Page 88 - kpiebook67026
P. 88
87
คลาดเคลื่อนจากกันหรือไม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในประเด็นนี้ การศึกษาประสบการณ
จากต่างประเทศจะพิจารณาบรรดาแนวคิดของกลไกทั้ง 3 ชื่อนี้ไปในความหมายเดียวกัน
ว่าหมายถึงการท�า RIA ไม่ว่าจะมีการเรียกชื่อใดตราบเท่าที่เป็นการประเมินผลกระทบ
ที่จะเกิดขึ้นก่อนการใช้นโยบายหรือการตรากฎหมาย
โดยนัยข้างต้น RIA ที่ก�าลังจะกล่าวถึงในบทนี้จึงหมายความในภาพรวมได้ว่า
หมายถึง กระบวนการระบุ (identify) และประเมิน (assess) ผลกระทบของจาก
19
ข้อเสนอทางนโยบาย (policy proposal) โดยเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจว่าจะมี
20
การก�าหนดมาตรการควบคุมหรือไม่ โดย RIA เป็นการวิเคราะหต้นทุน (cost) และ
ผลประโยชน (benefit) อย่างเป็นระบบ โดยมีขึ้นเพื่อช่วยในกระบวนการตัดสินใจ
เพื่อหาทางเลือกว่าจะใช้กลไกการควบคุม (การใช้กฎระเบียบ) หรือไม่ และเพื่อสร้าง
หลักประกันว่ามาตรการควบคุมทางกฎหมายที่ก�าหนดขึ้นจะก่อให้เกิดประโยชน
21
สูงสุด นอกจากนี้ในบางแหล่งได้อธิบายว่า RIA ได้แก่เครื่องมือซึ่งใช้ปรับปรุงคุณภาพ
และความต่อเนื่องของกลไกการพัฒนานโยบาย มีการก�าหนดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งด้านบวกและด้านลบจากการด�าเนินการทางนโยบายบางเรื่อง เพื่อช่วยให้มีข้อมูล
ส�าหรับการตัดสินใจว่าจะมีการด�าเนินนโยบายนั้นหรือไม่โดยมีการระบุสิ่งที่อาจจะ
ได้รับและสิ่งที่อาจจะต้องจ่ายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงคในเรื่องนั้น ๆ 22
ในแง่ลักษณะของ RIA อาจจ�าแนกลักษณะของ RIA ออกได้เป็น 3 ประการ
ประการแรก RIA ใช้กับการวิเคราะหข้อเสนอในเชิงนโยบาย (policy proposal)
19 OECD, OECD Reviews of Regulatory Reform Regulatory Impact Analysis: A Tool
for Policy Coherence (OECD 2009) 24. อ้างถึงใน ส�านักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบัน
พระปกเกล้า, เรื่อง “แนวทางและวิธีการวิเคราะหผลกระทบทางสังคมในการตรากฎหมาย”, 2564,
น. 35
20 OECD, “Recommendation of the Council on Regulatory Policy and Governance”
(OECD 2012) 25. อ้างถึงใน ส�านักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า, เรื่อง “แนวทาง
และวิธีการวิเคราะหผลกระทบทางสังคมในการตรากฎหมาย”, 2564, น. 35
21 Commission of the European Communities, ‘Communication from the
Commission on Impact Assessment’ (Commission of the European Communities,
COM (2002) 276 final, 2002) 3. อ้างถึงใน ส�านักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า,
เรื่อง “แนวทางและวิธีการวิเคราะห์ผลกระทบทางสังคมในการตรากฎหมาย”, 2564, น. 35
22 ibid.