Page 217 - kpiebook67020
P. 217
216 การศึกษาการป้องกันวิกฤตสังคมในอนาคต
ก็จะกระตุ้นให้พลเมืองเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ในด้าน
ของปัจจัยประสิทธิภาพทางการเมือง (political efficiency) ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายใน
คือ ส�านึกความเป็นพลเมือง ที่ผลักดันให้เกิดการเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อเปลี่ยนแปลง
รวมถึงปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ เช่น ความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล�้า ช่องว่าง
ทางเศรษฐกิจสังคม การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น ส่งผลให้ประชาชนเกิดการรับรู้
ข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายมากขึ้น ท�าให้ข้อมูลข่าวสารมีอิทธิพลต่อความคิดความเชื่อ
และอุดมการณ์ทางการเมือง และอาจไปกระตุ้นจิตส�านึกความเป็นพลเมืองจนน�าไปสู่
การตัดสินใจออกมามีส่วนร่วมทางการเมืองของพลเมือง สภาพและบริบททางการเมือง
จึงเป็นปัจจัยส�าคัญที่ท�าให้เกิดการเติบโตของการเมืองภาคประชาชน
ส่วนการเมืองภาคพลเมือง (Citizen Politics) เป็นลักษณะของการที่ประชาชน
เข้าไปมีอิทธิพลต่ออ�านาจรัฐ (Soft Power) เช่น การก�าหนดนโยบาย การปรับแก้ไข
กฎหมาย หรือการเป็นพลเมืองที่มีความสามารถในการใช้อ�านาจเพื่อก�ากับควบคุมรัฐ
ให้ด�าเนินการตามที่ตนเองต้องการได้ โดยการเมืองภาคพลเมืองแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มที่มีปฏิกิริยาต่อปัญหาของตนเอง กล่าวคือ เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ
จากนโยบายรัฐหรือกฎหมายที่มีปัญหาท�าให้เกิดการรวมตัวกันเพื่อออกมาเรียกร้อง
ให้มีการแก้ไขกฎหมายหรือนโยบายเพื่อลดผลกระทบ เช่น ปัญหาชาวบางกลอย
กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มสมัชชาคนจน กลุ่มสมัชชาเกษตรกรรายย่อย พลเมืองกลุ่มนี้
เป็นพลเมืองที่เข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้องชุมชนจากแผนพัฒนาหรือนโยบายรัฐ
ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ท�าให้พลเมืองลุกขึ้นเพื่อเรียกร้องให้รัฐแก้ไขปัญหาของกลุ่มตน
2. กลุ่มพลเมืองที่มีส�านึกทางการเมือง กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องการเข้ามา
มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน การออกกฎกติกาเพื่อแก้ปัญหาของชุมชน เป็นพลเมือง
ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา โดยไม่ได้เกิดจากแรงกดดันจากภายนอก แต่เป็นพลเมือง