Page 13 - kpiebook67014
P. 13

น ามาใช้ท าความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมทั้งในแง่มุมอื่น ๆ ทั้งด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ โดยมอง
              ว่าภูมิคุ้มกันทางสังคมคือ ความสามารถของสังคมในการรับมือต่อความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกและการคุกคามที่

              เป็นผลมาจากการแทรกซึมของคุณค่า บรรทัดฐาน แบบแผนพฤติกรรมของวัฒนธรรมอื่นที่เข้าสู่สังคม และอาจ
              ส่งผลต่อความเป็นกลุ่มก้อนและการปรับตัวของสังคมหนึ่ง ๆ จึงต้องมีการเสริมสร้างกลไกป้องกันสังคมเพื่อให้มี
              ภูมิคุ้มกันในการปกป้องและขัดขวางภัยคุกคามจากภายนอก การปรับตัวของประชาชนต่อสภาพแวดล้อมภายนอก
              ตลอดจนการหลวมรวมและรักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันของสังคมท่ามกลางบริบทการพัฒนาที่ไม่สมดุล (Julia

              Myslyakova, 2020) ภูมิคุ้มกันทางสังคมจึงเป็นที่มาของการรักษาเสถียรภาพของกลไกในสังคมและการมี
              มาตรการที่จ าเป็นเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และรับมือกับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
              (Niklas Luhmann, 2013)
                     ขณะเดียวกัน หากมองภูมิคุ้มกันทางสังคมในระดับปัจเจกบุคคล ภูมิคุ้มกันทางสังคมเป็นความสามารถ

              ของบุคคล ซึ่งประกอบไปด้วยการสร้างความเข้มแข็งด้านการเรียนรู้ การมีทักษะชีวิตในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพ
              สังคมและวัฒนธรรม การเข้าใจผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม การเตรียมความพร้อม
              เพื่อการปรับตัวให้สามารถเรียนรู้ เลือกสรร กลั่นกรอง ประเมิน แยกแยะ คุณค่า และใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์
              รวมไปถึงสามารถน าความรู้มาประยุกต์ใช้ในการด าเนินชีวิตในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างมีคุณภาพ (วชิราภรณ์

              สังข์ทอง, 2554)
                     หากเปรียบเทียบร่างกายคือสังคม อาจเปรียบเทียบ “เซลล์เป็นตัวบุคคล” ที่จะมีกระบวนการสร้างเสริม
              ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นได้เองและเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ โดยเกิดจากการสะสมผ่านกระบวนการเรียนรู้ การศึกษาอบรม และ

              การขัดเกลาทางสังคม อีกทั้งอาจเปรียบเทียบ “เนื้อเยื่อเป็นครอบครัว” เพราะครอบครัวเป็นหน่วยย่อยของสังคม
              ที่มีความส าคัญ ส่งผลต่อความมั่นคงและอ่อนแอของสังคมได้ โดยถือว่าครอบครัวเป็นแหล่งบ่มเพาะและขัดเกลา
              ตัวบุคคลในเรื่องต่าง ๆ และอาจเปรียบเทียบ “อวัยวะในร่างกายเป็นสถาบันทางสังคม” ที่สถาบันทางสังคมในส่วน
              ต่าง ๆ ต้องผนึกก าลังกันเพื่อท าให้สังคมโดยรวมเกิดความเข้มแข็งได้ (พิเชฐ บัญญัติ, 2547)
                     ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม เราจึงจ าเป็นต้องใช้วัคซีนทางสังคม (social

              vaccine) ในทางสาธารณสุข วัคซีนทางสังคมคือ การมุ่งส่งเสริมสุขภาพของประชาชนและนโยบายด้านสาธารณสุข
              ที่ค านึงถึงมิติทางสังคมร่วมด้วย โดยให้ความส าคัญกับความไม่เท่าเทียมกันในสังคมและปัจจัยสังคมก าหนดสุขภาพ
              (social determinants of health) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมของบุคคลที่เชื่อมโยงกับเงื่อนไขในการด ารงชีวิต

              ประจ าวัน เช่น นโยบายและระบบเศรษฐกิจ วาระการพัฒนา บรรทัดฐานทางสังคม นโยบายสังคมและระบบ
              การเมือง (World Health Organization, 2022) แม้ว่าการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมจะไม่สามารถจ าเพาะ
              เจาะจงไปที่โรคใดโรคหนึ่งหรือปัญหาใดปัญหาหนึ่งได้ แต่ก็สามารถใช้เป็นแนวทางหรือมาตรการในการจัดการกับ
              สถานการณ์ทางสาธารณสุขได้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและความเป็นธรรมในสังคม (Thomas

              IN, 2006)
                     ในท านองเดียวกัน ในแง่มุมด้านสังคมศาสตร์ การใช้วัคซีนทางสังคมก็คือการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทาง
              สังคมเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม ผ่านการด าเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่ค านึงบริบท
              แวดล้อมของสังคมนั้น มุ่งเน้นให้เกิดความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ าในสังคม โดยเชื่อว่าเมื่อสังคมมีภูมิคุ้มกัน

              ก็จะไม่เป็น “โรค” หรือท าให้สังคมมีความสงบสุขได้ นั่นคือ การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในสังคมด้วยการเสริมสร้าง
              ความเข้มแข็งและความเป็นปึกแผ่นให้กับครอบครัวและชุมชน ทั้งที่กระท าด้วยตนเองและผลักดันเป็นนโยบายและ
              ทิศทางการพัฒนาประเทศ (ประเวศ วะสี, 2542) แนวคิดภูมิคุ้มกันทางสังคมจึงสอดคล้องกับการเสริมสร้างความ
              มั่นคงทางสังคมที่มุ่งหวังให้การด าเนินชีวิตของคนในสังคมได้รับการปกป้องและลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น






                                                          - 10 -
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18