Page 17 - kpiebook67014
P. 17
จะตอบสนองต่อความต้องการของพลเมือง สร้างความเป็นเจ้าของของประชาชนตั้งแต่ก าหนดนโยบายจนถึงน า
นโยบายไปปฏิบัติ (ถวิลวดี บุรีกุล และคณะ, 2563, น.50) ส าหรับแนวทางการสร้างความเป็นพลเมืองจะได้
กล่าวถึงในเนื้อหาส่วนต่อไป รวมถึงกรณีตัวอย่างจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.6 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.6.1 การเสริมสร้างความเป็นพลเมืองผ่านกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม
งานศึกษาของถวิลวดี บุรีกุล และคณะ (2563) ในการศึกษาพฤติกรรมความเป็นพลเมืองส าหรับสังคมไทย
ท าให้ได้ตัวแบบที่สามารถน าไปใช้เพื่อการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองและประสิทธิภาพทางการเมืองได้ นั่นคือ ตัว
แบบการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม (Model of participatory public policy process) ซึ่งมี
องค์ประกอบที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อการจัดกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะทั้งปัจจัยภายในและปัจจัย
ภายนอก กล่าวคือ ปัจจัยภายในที่เกิดจากคนภายในพื้นที่ ได้แก่ 1) ความเป็นหุ้นส่วนในการจัดเวที 2) ความ
ร่วมมือของหน่วยรับนโยบาย 3) หน่วยรับข้อเสนอเชิงนโยบายเป็นผู้จัดการหลัก 4) ภาวะผู้น าของผู้บริหารท้องถิ่น
5) หน่วยงานมีประเด็นสาธารณะที่จะพัฒนามาก่อน 6) ผู้เข้าร่วมเวทีสาธารณะมีสัดส่วนพลเมืองที่อยู่ในระดับ
กระตือรือร้นเป็นส่วนใหญ่ 7) มีหน่วยงานเป้าหมายที่จะรับข้อเสนอนโยบาย ขณะที่ปัจจัยภายนอก ซึ่งเป็นปัจจัยที่
เกิดจากคนภายนอกที่ส่งผลต่อความส าเร็จของกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะ ได้แก่ 1) กระบวนการจัดเวที
จัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมในพื้นที่ต่าง ๆ และมีประชาชนมาร่วมมีผู้เอื้อกระบวนการเพื่อเป้าหมายอย่างใดอย่าง
หนึ่ง และ 2) บทบาทขององค์กรวิชาการ นอกจากปัจจัยภายในที่เกิดจากคนภายในพื้นที่แล้ว ในการพัฒนา
นโยบายสาธารณะและน าเสนอนโยบายนั้นจะต้องมีเป้าหมายในการน าเสนอชัดเจนว่าจะเสนอต่อใครและ
หน่วยงานใดจะเป็นผู้ยอมรับประกาศเป็นนโยบายและน าไปปฏิบัติ และปัจจัยภายนอกถือว่าเป็นปัจจัยเสริมหรือ
ปัจจัยร่วมกับปัจจัยภายในตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น หากการจัดกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วน
ร่วมมีปัจจัยที่กล่าวมาทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกจะช่วยท าให้การด าเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ของ
กระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมส าหรับด าเนินการได้ส าเร็จถึงขั้นผลักดันไปสู่ขั้นน านโยบาย
ไปปฏิบัติ
2.6.2 การพัฒนานวัตกรรมชุมชนจากการมีส่วนร่วมของชุมชน
ถวิลวดี บุรีกุล และคณะ (2565) ได้ท าการศึกษาวิจัยนวัตกรรมชุมชนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและลด
ความเหลื่อมล้ าเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนหลังวิกฤตการณ์ COVID-19 กรณีศึกษา เทศบาลเมืองกระบี่
จังหวัดกระบี่ ผลการศึกษาที่ส าคัญคือ เมื่อชุมชนเผชิญกับภาวะวิกฤติ เช่น การแพร่ระบาดของ COVID-19 องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมชุมชนเพื่อน านวัตกรรมนั้นมาใช้
ประโยชน์ส าหรับคนในชุมชนได้ ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ร่วมกันระดมความคิดเห็นค้นหาสิ่งที่ดีที่มีอยู่
ในชุมชน จัดท าแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนานวัตกรรมของชุมชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และออกแบบและ
พัฒนานวัตกรรมการสื่อสารของชุมชน ท าให้เห็นว่านวัตกรรมเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้
เกิดขึ้นกับชุมชน โดยเป็นการตัดสินใจและได้รับแรงสนับสนุนจากชุมชน ซึ่งท าให้นวัตกรรมชุมชนมีความแตกต่าง
ไปจากนวัตกรรมสังคมอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนเป็นส าคัญ อีกทั้งคุณลักษณะส าคัญของ
นวัตกรรมชุมชนยังต้องมีความสอดคล้องกับบริบทของชุมชนและทุนทางสังคมในพื้นที่ด้วย ปัจจัยความส าเร็จคือ
ความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในและภายนอกชุมชน รวมไปถึงเป็นการด าเนินกิจกรรมที่สอด
รับกับบริบทของพื้นที่จึงมีส่วนท าให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างมองเห็นถึงจุดมุ่งหมายเดียวกันอย่างชัดเจน มีทิศ
ทางการท างานตรงกัน และได้รับความร่วมมือด้วยดี
- 14 -