Page 27 - kpiebook66023
P. 27
มาตรการทางกฎหมาย : ศึกษารูปแบบนิติบุคคลที่เหมาะสมเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
วิสาหกิจเพื่อสังคมเกิดมีผู้ถือหุ้นเสียงข้างมากเป็นนักลงทุนเอกชนที่ต้องการก าไรที่มากกว่าร้อยละ 30
โครงสร้างการบริหารจัดการบริษัท เช่น การเปลี่ยนกรรมการบริษัท การแก้ไขข้อบังคับบริษัท การจ่ายเงินปันผล
สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้เสมอหากเป็นไปตามมติเสียงข้างมากของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น สมมติว่า
มีการจ่ายเงินปันผลเกิน ร้อยละ 30 ขึ้นไป บริษัทดังกล่าวย่อมไม่ได้ท าอะไรผิดภายใต้กฎหมายบริษัทเลย
(ยกเว้นระบุไว้ในข้อบังคับของบริษัท) แต่ย่อมผิดตามกฎหมายวิสาหกิจเพื่อสังคม ย่อมท าให้บริษัทนั้นพ้นจาก
การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมแน่นอน แต่ในทางปฏิบัติก็อาจมีการปกปิดข้อมูลเกิดขึ้นได้
ดังนั้น ประเด็นที่จะสะท้อนให้เห็นคือ เมื่อใช้กฎหมายสองฉบับก ากับดูแลองค์กรลักษณะ
พิเศษเช่นวิสาหกิจเพื่อสังคม ย่อมมีช่องโหว่ของกฎหมายได้ ควรมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้
ทันสมัยเพื่อสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของทั้งรูปแบบองค์กรและการด าเนินกิจการที่มีความ
หลากหลายและซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน สหราชอาณาจักรเลือกที่จะเสนอกฎหมายใหม่เพื่อมารองรับ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว
3.1.2 บริษัทจ ำกัดควำมรับผิดโดยหลักประกัน (Companies Limited by Guarantee – CLG)
รูปแบบบริษัทจ ากัดโดยหลักประกัน (CLG) ใช้กันอย่างกว้างขวางโดยองค์กรการกุศลหรือ
มูลนิธิ (charities) โครงการชุมชน (community projects) สโมสร ชมรม และองค์กรที่คล้ายกันอื่น ๆ
แม้ว่าจะเป็นรูปแบบบริษัท แต่จริง ๆ แล้วมีลักษณะเป็นเหมือนองค์กรไม่แสวงหาก าไร นั่นคือ เป็นกิจการที่
ไม่กระจายผลก าไรให้แก่สมาชิกของตน แต่จะเก็บไว้ภายในบริษัทหรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น
บริษัทประเภทนี้ส่วนใหญ่จ าเป็นต้องมีการท าข้อบังคับบริษัท ซึ่งร่างขึ้นเป็นการเฉพาะส าหรับกิจการ
39
ประเภทนี้
เหตุผลหลักที่องค์กรไม่แสวงหาก าไรเลือกรูปแบบบริษัทประเภทนี้ ก็เพื่อต้องการ
ประโยชน์ที่รูปแบบบริษัทมอบให้ โดยเฉพาะเรื่องการคุ้มครองผู้ประกอบกิจการจากความรับผิดส่วนตัว
(personal liability) ต่อหนี้สินของบริษัท เช่นเดียวกับบริษัทจ ากัดโดยหุ้น หากองค์กรไม่แสวงหาก าไรมิได้
จดทะเบียนเป็นบริษัทจ ากัด อาจท าให้ผู้ที่ต้องจัดการบริษัท โดยเฉพาะคณะกรรมการ อาจต้องรับผิดเป็น
การส่วนตัวต่อหนี้สินขององค์กร นี่จึงเป็นความเสี่ยงอย่างแท้จริง โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ที่อาจมีการ
เช่าอาคาร ว่าจ้างบุคลากร มีอุปกรณ์ที่มีสัญญาผ่อนช าระ ฯลฯ ย่อมท าให้ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้น และท้ายสุดก็
จะไม่มีใครอยากเข้าไปบริหารจัดการอีกต่อไป และย่อมส่งผลกระทบต่อสังคมส่วนรวมอย่างแน่นอน
รูปแบบบริษัทที่จัดตั้งขึ้นถือว่าเป็นตัวตนทางกฎหมาย (legal entity) ที่แยกต่างหากจาก
บุคคลธรรมดา ท าให้ความรับผิดของบริษัทและของบุคคลธรรมดาแยกจากกัน บุคคลธรรมดาไม่ต้องรับผิด
ต่อหนี้สินของบริษัท เช่น ในบริษัทจ ากัดโดยหุ้น ความรับผิดของผู้ถือหุ้นจะจ ากัดอยู่ที่จ านวนหุ้นซึ่งผู้ถือหุ้น
ได้ตกลงที่จะจ่ายให้แก่หุ้นของตน ส าหรับ CLG ความรับผิดจะจ ากัดอยู่ที่จ านวนของหลักประกันที่ก าหนด
40
ไว้ในข้อบังคับของบริษัท ซึ่งมักมีจ านวนเพียง 1 ปอนด์ (หรือประมาณ 43 บาทเท่านั้น) บุคคลที่ด าเนิน
กิจการบริษัท เช่น กรรมการบริษัท จะรับผิดต่อหนี้สินของบริษัทเป็นการส่วนตัวเพียงเพราะมีความผิดบาง
ประการเท่านั้น เช่น การด าเนินการที่เกินขอบอ านาจ หรือฉ้อฉล เป็นต้น
39 GOV.UK. (n.d.). Limited Companies. https://www.gov.uk/limited-company-formation 12
40 อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 12 เมษายน 2566