Page 26 - kpiebook66023
P. 26
มาตรการทางกฎหมาย : ศึกษารูปแบบนิติบุคคลที่เหมาะสมเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
การหารายได้ประเภททุน (equity finance) ของ CIC มีประเด็นที่ส าคัญหลายประการ
กล่าวคือ CIC นั้นโดยพื้นฐานคือ รูปแบบองค์กรประเภทบริษัทซึ่งมีจุดเด่นอย่างยิ่งในเรื่องของการหาเงินทุน
จากการขายหุ้นให้กับนักลงทุน เนื่องจากกฎหมายบริษัทของสหราชอาณาจักรมีหลากหลายประเภทหลัก ๆ
ที่ส าคัญคือ บริษัทจ ากัดโดยหุ้น (limited company by shares) และบริษัทจ ากัดโดยหลักประกัน
(limited company by guarantee) จึงท าให้ CIC สามารถเลือกจ ากัดโดยหุ้นหรือโดยหลักประกันก็ได้ แต่
ในที่นี้จะขอพูดถึง CIC ประเภทหุ้นเป็นหลักเพราะจะอธิบายถึงบริษัทจ ากัดโดยหลักประกันในหัวข้อต่อไป
เมื่อ CIC ไม่ได้แตกต่าง จากบริษัทจ ากัดโดยหุ้น ย่อมสามารถออกหุ้นได้เหมือนกัน หุ้นดังกล่าวมีทั้งแบบหุ้น
สามัญ (ordinary shares) และหุ้นบุริมสิทธิ (preference shares) โดยผู้ถือหุ้นจะรับผิดเท่าที่ยังส่งค่าหุ้น
ไม่ครบ และก็จะได้รับเงินปันผลเป็นค่าตอบแทนการลงทุนในสัดส่วนตามจ านวนหุ้นที่ถือ บริษัททั่วไปและ
CIC ไม่สามารถขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปได้ ในส่วนนี้นั้น CIC ไม่ได้แตกต่างจากบริษัททั่วไปเลย จึงท า
ให้ CIC สามารถดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนไม่ต่างจากการลงทุนในบริษัทอื่น ๆ และเงินทุน
ดังกล่าวย่อมดีกว่าการกู้เงิน หากเปรียบเทียบกับวิสาหกิจเพื่อสังคมของประเทศไทยที่มีการจัดตั้งในรูปแบบ
บริษัทแล้ว ในประเด็นดังกล่าวก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย เพียงแต่ประเทศไทยมีรูปแบบบริษัทประเภท
เดียวเท่านั้น (ไม่รวมบริษัทมหาชนจ ากัด เพราะโดยหลักการก็คือบริษัทจ ากัดความรับผิด) และวิสาหกิจเพื่อ
สังคมของไทยสามารถขายหุ้นให้กับประชาชนได้ แต่ปัจจุบันยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท าให้ CIC และบริษัททั่วไปแตกต่างกันคือ CIC ถูกจ ากัดในเรื่องการ
จ่ายเงินปันผล กล่าวคือ หากผู้ถือหุ้นเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเอกชน สัดส่วนเงินปันผลจะถูกจ ากัด
อยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 35 ต่อปี แต่หากผู้ถือหุ้นเป็น CIC เหมือนกัน หรือเป็นองค์กรไม่แสวงหาก าไร ก็สามารถ
ได้รับเงินปันผลมากกว่าร้อยละ 35 ได้ ดังนั้น หากมูลนิธิจัดตั้ง CIC เพื่อให้ด าเนินการเกี่ยวกับการหารายได้
ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจ ากัดของเงินปันผลดังกล่าว และยังสร้างความมั่นใจให้กับมูลนิธิได้ว่า นักลงทุน
38
เอกชนจะไม่ได้รับเงินปันผลอย่างไม่มีเหตุผลหรือไม่เหมาะสม (windfall profits) หากวิเคราะห์
เปรียบเทียบกับบริษัททั่วไปซึ่งไม่มีข้อจ ากัดโดยกฎหมายดังกล่าว อาจเกิดปัญหาความไม่แน่นอนในเรื่อง
การก าหนดการจ่ายเงินปันผลในแต่ละปี และผู้ถือหุ้นเสียงข้างมากอาจลงมติอนุมัติให้มีการจ่ายปันผลอย่าง
ไม่เหมาะสมได้ ท าให้ไม่มีหลักประกันใด ๆ มาป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว หรืออาจจะแก้ปัญหาโดยการ
ก าหนดในข้อบังคับของบริษัทให้จ ากัดสัดส่วนของเงินปันผล แต่ท้ายที่สุดก็สามารถแก้ไขข้อบังคับได้หากผู้
ถือหุ้นเสียงข้างมากลงมติให้เปลี่ยนแปลง
หากเปรียบเทียบกับกฎหมายวิสาหกิจเพื่อสังคมของประเทศไทย ระหว่าง CIC และวิสาหกิจ
เพื่อสังคมในรูปแบบบริษัทนั้น จะเห็นว่า วิสาหกิจเพื่อสังคมของไทยจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย 2 ฉบับคือ
กฎหมายบริษัท และกฎหมายวิสาหกิจเพื่อสังคม ในขณะที่กฎหมายบริษัทของไทยไม่ได้ห้ามเรื่องการจ่ายเงิน
ปันผล แต่กฎหมายวิสาหกิจเพื่อสังคมก าหนดว่าการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นจะต้องไม่เกินร้อยละ 30 ซึ่ง
แน่นอนว่ามีการขัดกันของกฎหมายอยู่ ในทางปฏิบัติผู้ที่ลงทุนในวิสาหกิจเพื่อสังคมน่าจะต้องทราบตั้งแต่ต้น
ว่ามีการควบคุมการจ่ายเงินปันผลอยู่ แต่ก็ไม่ควรคาดเดาว่าจะเป็นนักลงทุนจะทราบเช่นนั้นเสมอไป ในกรณีที่
38 Department for Business, Energy & Industrial Strategy UK. (2016). Office of the Regulator of Community
Interest Companies: Information and Guidance Notes – Chapter 7: Financing Community Interest 11
Companies. London: Department for Business, Energy & Industrial Strategy, p. 5.