Page 15 - kpiebook66023
P. 15
มาตรการทางกฎหมาย : ศึกษารูปแบบนิติบุคคลที่เหมาะสมเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
เคลื่อนที่มุ่งเน้นไปที่การสร้าง “คุณค่าผสมผสาน” (blended value) ซึ่งหมายถึง ความพยายามที่จะสร้าง
สมดุลและบูรณาการทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน
2.4 กำรพัฒนำกฎหมำยภำยใต้แนวคิดว่ำด้วยรูปแบบองค์กรของวิสำหกิจเพื่อสังคม
แนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบองค์กรของวิสาหกิจเพื่อสังคม 4 รูปแบบซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Defourny และ
Nyssens เป็นพื้นฐานที่ส าคัญในการช่วยออกแบบและท าความเข้าใจที่มาและโครงสร้างทางกฎหมาย
ของวิสาหกิจเพื่อสังคมได้อย่างมาก ประเด็นส าคัญที่ต้องพิจารณาคือ กฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อวิสาหกิจ
เพื่อสังคมจะต้องสามารถสะท้อนลักษณะเด่นของแต่ละรูปแบบองค์กรได้ ซึ่งจากที่ศึกษาข้างต้น จะเห็นว่า
วิสาหกิจเพื่อสังคมนั้นมีรูปแบบองค์กรที่หลากหลายมาก แต่โดยหลักแล้วเป็นองค์กรลูกผสม
ดังนั้น กฎหมายเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมจึงต้องคัดสรรองค์ประกอบที่ส าคัญออกมาเพื่อให้
ครอบคลุมกับองค์กรเป็นส่วนใหญ่ โดยยังต้องพิจารณาถึงปัจจัยและบริบทแวดล้อมเฉพาะของแต่ละ
ประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ในหัวข้อนี้ จะเน้นที่รูปแบบองค์กร 4 ประเภท ซึ่งถือเป็นรูปแบบ
องค์กรลูกผสมที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมโดยเฉพาะ ดังนี้
2.4.1 รูปแบบองค์กรไม่แสวงหำก ำไรที่ประกอบกำรอย่ำงธุรกิจ (The Entrepreneurial
Non-Profit Model: ENP)
จากที่ได้ศึกษาแล้วข้างต้น องค์กรไม่แสวงก าไรแบบดั้งเดิม เช่น มูลนิธิ สมาคม และ
NGOs นั้น มีบทบาทส าคัญในการช่วยจัดหาสินค้าและบริการสาธารณะที่ภาครัฐไม่สามารถเข้าถึงประชาชน
ได้อย่างทั่วถึงและอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรเหล่านี้จึงมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแก้ปัญหาสังคมต่าง ๆ และ
เข้ามาท าหน้าที่สนับสนุนและเติมเต็มส่วนที่ยังขาดแคลนและเป็นปัญหา เมื่อองค์กรไม่แสวงหาก าไรท า
หน้าที่แทนรัฐดังกล่าว จึงจ าเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐด้วยทั้งในด้านการเงินและความ
ช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น การก าหนดนโยบายหรือกฎหมายที่ให้สิทธิประโยชน์แก่องค์กรที่ช่วยเหลือสังคม
เหล่านี้ เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น จะเห็นได้ว่าบทบาทและหน้าที่ขององค์กรไม่แสวงหาก าไรมี
16
ความส าคัญอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากองค์กรเหล่านี้ต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากภาครัฐและภาค
ประชาสังคมเป็นส าคัญ ซึ่งแน่นอนว่ารัฐไม่สามารถอุดหนุนงบประมาณได้จ านวนมากและต่อเนื่องระยะยาว
ทั้งยังต้องพิจารณาว่าจะให้การสนับสนุนกับองค์กรใด เพื่อช่วยเหลือผู้ใด เป็นจ านวนเท่าใด และนานเพียงไร
ย่อมส่งผลให้แหล่งรายได้ขององค์กรไม่แสวงหาก าไรไม่มีความยั่งยืนและแน่นอน บางแห่งต้องเลิกกิจกรรม
17
เพื่อสังคมเพราะขาดการสนับสนุน
เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว องค์กรไม่แสวงหาก าไรจึงต้องมีการปรับตัวโดยพยายาม
พึ่งพารายได้จากตลาดมากขึ้น และการน าเอาแนวทางการหารายได้ของธุรกิจมาช่วยแก้ปัญหาตามแนวคิดที่
เรียกว่า “earned income” หรือการหารายได้ซึ่งมาจากการค้าขาย องค์กรไม่แสวงหาก าไรที่มีการปรับตัว
ดังกล่าวจึงเป็นองค์กรลูกผสม เรียกว่า Entrepreneurial Non-Profit (ENP) ตัวอย่างของการน าโมเดลทาง
16 Burton A. Weisbrod. (1975). Toward a Theory of the Voluntary Nonprofit Sector in a Three-Sector Economy
(pp. 171-195). In Phelps, E. (Ed). Altruism, Morality and Economic Theory. New York: Russell Sage.
17 Christopher A. Riley. (2007). Theorising the Governance of Not-For-Profits. Nottingham law journal, 16, 20
pp. 44-66.