Page 17 - kpiebook66004
P. 17

17



            จนทำให้ได้อุดมการณี์ชุดใหม่ ที�แม้อาจไม่ได้นำเสนอกฎเกณีฑ์์ใหม่ของโลกในแบับัพิลิกฟ้าคว�ำดิน แต่ก็เพิียงพิอที�จะ

            หันเหและทำให้ผู้คนในสังคมการเมืองเกิดโลกทัศูน์และความเข้าใจต่อปรากฏิการณี์ต่าง ๆ ในสังคมที�แตกต่างไป
            จากเดิม ในแง่นี� อุดมการณี์ตามที�มูฟนำเสนอผ่านแนวคิดเรื�องอำนาจนำของกรัมชี� จึงไม่ได้ขึ�นอยู่หรือเป็นส่วนหนึ�ง
                   19
            ของความสัมพิันธิ์์ภายใต้ปัจจัยทางเศูรษฐกิจ หากแต่เป็นเรื�องของความสามารถทางการเมืองในการเชื�อมต่อ/
            ตัดการเชื�อมต่อ/สร้างการเชื�อมต่อใหม่ ที�จะไม่ได้ขึ�นอยู่กับัคุณีสมบััติทางชนชั�นแต่อย่างใด ดังที�มูฟได้เน้นย�ำ

            ว่าการที�ชนชั�นหนึ�ง ๆ สามารถสถาปนาตนเองเป็นชนชั�นนำ ซึ�งสามารถใช้อุดมการณี์ของตนครอบังำชนชั�น
            อื�น ๆ นั�น มิใช่เพิราะคุณีลักษณีะพิิเศูษทางชนชั�นที�สามารถผูกขาดเนื�อหาทางอุดมการณี์เพิื�อครอบังำชนชั�นอื�น ๆ

            หากแต่เป็นเพิราะความสามารถของปัญญาชนซึ�งนิยามตนเองเข้ากับัชนชั�นนั�นต่างหาก ที�สามารถดัดแปลงเชื�อม

            ต่อความคิด/ความรู้ต่าง ๆ ให้กลายเป็นอุดมการณี์ที�แม้ด้านหนึ�งจะสอดคล้องไปกับัผลประโยชน์ของผู้คนทั�ว ๆ ไป
            แต่ขณีะเดียวกันก็จะมีส่วนเกื�อหนุนผลประโยชน์ให้กับัชนชั�นของตน 20

                   ด้วยเหตุนี� จึงไม่ใช่เรื�องแปลกที�แม้แรงบัันดาลใจตั�งต้นในการพิัฒนาทฤษฎีการเมืองแบับัหลังลัทธิ์ิมาร์กซ์
            ของลาคลาวและมูฟจะมาจากมรรควิธิ์ีในการศูึกษาอุดมการณี์ของอัลธิ์ูแซร์ แต่แก่นแกนทางความคิดอันเปรียบัได้

            กับักระดูกสันหลังทางทฤษฎีของทั�งคู่กลับัวางอยู่บันแนวคิดของกรัมชี�เรื�องอำนาจนำ อันเป็นแนวคิดที�นอกจากจะ
            ปลดปล่อยคำอธิ์ิบัายถึงกลไกการทำงานของอุดมการณี์จากอิทธิ์ิพิลของวิธิ์ีคิดที�ยึดเศูรษฐกิจเป็นปัจจัยกำหนดแล้ว

            ยังนำเสนอกรอบัวิเคราะห์ที�ช่วยรวบัยอดไวยากรณี์ทางการเมืองเบัื�องหลังกลไกการทำงานของอุดมการณี์ดังกล่าว

            ให้ปรากฏิเด่นชัดตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ควรกล่าวในที�นี�ว่าแม้อาจเป็นรากฐานที�ลาคลาวและมูฟใช้ปรับัเปลี�ยน
            และยกระดับัทฤษฎีของมาร์กซ์จนก่อเกิดเป็นแนวคิดแบับัหลังลัทธิ์ิมาร์กซ์ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าการกล่าวถึงอำนาจ

            นำของกรัมชี�นั�น ถึงที�สุดแล้วก็คือการกล่าวถึงภายใต้บัริบัททางยุทธิ์ศูาสตร์ที�มุ่งให้พิรรคคอมมิวนิสต์ประสบั
            ชัยชนะในทางการเมือง ดังนั�น ทั�ง ๆ ที�อุดมการณี์ภายใต้กำกับัจากแนวคิดเรื�องอำนาจนำของกรัมชี�อาจไม่จำเป็น

            ต้องมีเนื�อหาเกี�ยวข้องกับัการต่อสู้ทางชนชั�น(ดังที�มูฟได้แสดงให้เห็น) แต่ก็ย่อมเป็นสิ�งที�หลีกเลี�ยงไม่ได้ที�
            ตัวกรัมชี�เองจะยังพิิจารณีาประเด็นนี�ว่าเป็นส่วนหนึ�งของการต่อสู้ทางชนชั�นที�มีชนชั�นกรรมาชีพิเป็นตัวแสดงหลัก 21

                   ในแง่นี� เพิื�อยกระดับัทฤษฎีของมาร์กซ์ให้สอดคล้องไปกับัแนวทางแบับัหลังลัทธิ์ิมาร์กซ์อย่างสมบัูรณี์

            ทั�งลาคลาวและมูฟจึงจำเป็นต้องพิิจารณีากลวิธิ์ีที�จะช่วยปลดปล่อยไวยากรณี์ทางการเมือง(ซึ�งกำกับักลไกของ
            อุดมการณี์) ออกจากกำกับัทางยุทธิ์ศูาสตร์ของการต่อสู้ทางชนชั�น การพิิจารณีาที�จะนำพิาทั�งคู่ไปสู่แนวคิดเรื�องวาทกรรม

            และการพิิจารณีาองค์ประธิ์านภายใต้จารีตทางปรัชญาแบับัหลังโครงสร้างนิยม ดังที�จะได้ชี�ให้เห็นในส่วนต่อไป



                   2.2 วิาทกรรม การเช้ื�อุมต์่อุ และอุำนาจันำในฐานะแกนกลางขอุงแนวิคิดแบับัหลังลัทธิ์ิมาร์กซ้์
                   ในงานเขียนเรื�อง Hegemony and Socialist Strategy (1985) อันเป็นงานเขียนที�บัุกเบัิกและจัดวาง

            เส้นทางทฤษฎีการเมืองแบับัหลังลัทธิ์ิมาร์กซ์ ลาคลาวและมูฟได้ชี�ให้เห็นว่าด้วยอิทธิ์ิพิลจากวิธิ์ีคิดเชิงยุทธิ์ศูาสตร์

            ที�ให้ความสำคัญกับัการปลดแอกของชนชั�นกรรมาชีพิ จึงทำให้แนวคิดเรื�องอำนาจนำถูกจำกัดศูักยภาพิไว้ภายใต้
            เพิดานความคิดซึ�งยึดเงื�อนไขทางเศูรษฐกิจเป็นปัจจัยกำหนด  ด้วยเหตุนี� บันเป้าหมายของการสถาปนาแนวทาง
                                                                22


            19  Ibid, pp.35-37.
            20 Ibid, p.37
            21  Ibid, p.42.
            22 Ernesto Laclau and Chantal Mouffe, Hegemony and Socialist Strategy: Towards a Radical Democratic Politics
            (London:Verso, 1985), pp. 65-78.
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22