Page 15 - kpiebook66004
P. 15
15
ด้วยเหตุนี� จึงอาจกล่าวได้ว่าพิร้อม ๆ ไปกับัการขัดเกลารากฐานทางทฤษฎีภายใต้แรงบัันดาลใจจาก
แนวทางการวิเคราะห์สังคมการเมืองของอัลธิ์ูแซร์ ลาคลาวก็ได้มองเห็นถึงทางตันที�ทำให้แนวทางดังที�กล่าวไปนี�
ยังไม่สามารถบัรรลุศูักยภาพิขั�นสูงสุดตามที�ควรจะเป็น กล่าวอีกนัยหนึ�งก็คือ ถ้ารากฐานทางทฤษฎีที�กำหนดวิธิ์ีคิด/
พิิจารณีาสังคมและสถานการณี์ทางการเมืองของลาคลาวมีที�มาจากแนวทางการวิเคราะห์สังคมการเมืองของอัลธิ์ูแซร์
จุดตั�งต้นที�ทำให้ลาคลาวพิัฒนาทฤษฎีแบับัหลังลัทธิ์ิมาร์กซ์ในเวลาต่อมา ก็คงเป็นอย่างอื�นไปเสียมิได้นอกจากการ
เติมเต็มให้แนวทางการวิเคราะห์ซึ�งได้รับัการบัุกเบัิกโดยอัลธิ์ูแซร์สามารถบัรรลุศูักยภาพิสูงสุดตามที�ควรจะเป็น
นั�นก็คือการถอดรหัสกลไกการทำงานของอุดมการณี์ ก่อนที�จะรวบัยอดเพิื�อสร้างกรอบัคิดสำหรับัอธิ์ิบัายกลไก
การทำงานดังกล่าวภายใต้ไวยากรณี์ทางการเมือง อันมีลักษณีะแยกขาดเป็นเอกเทศูสมบัูรณี์ จากการควบัคุม
ของเงื�อนไขและปัจจัยทางเศูรษฐกิจ
นี�จึงเป็นต้นเหตุที�ส่งผลให้ลาคลาวและมูฟพิัฒนาทฤษฎีการเมืองแบับัหลังลัทธิ์ิมาร์กซ์ของตนโดยอาศูัย
กรอบัการวิเคราะห์เพิื�อรวบัยอดไวยากรณี์ทางการเมืองภายใต้แนวคิดเรื�องอำนาจนำหรือ Hegemony ของอันโตนิโอ
กรัมชี� (Antonio Gramsci) นักปรัชญาลัทธิ์ิมาร์กซ์ชื�อดังชาวอิตาเลี�ยน ดังที�ลาคลาวได้เคยยอมรับัว่าหลังจากที�
เผชิญหน้ากับัขีดจำกัดทางทฤษฎีในมรรควิธิ์ีของอัลธิ์ูแซร์แล้ว ตัวเขาก็ได้หันมาสนใจศูึกษาแนวคิดเรื�องอำนาจนำ
ของกรัมชี�ตามแนวทางที�มูฟผู้เป็นทั�งเพิื�อนร่วมงานและคู่ชีวิตของเขาได้นำเสนอเอาไว้ แน่นอน การที�ลาคราว
14
และมูฟหันมาให้ความสำคัญกับัแนวคิดเรื�องอำนาจนำของกรัมชี�นั�น ย่อมสัมพิันธิ์์อย่างแยกไม่ออกจากบัริบัทของ
สหราชอาณีาจักรในช่วงคริสต์ทศูวรรษที� 1970 อันเป็นประเทศูที�ทั�งลาคราวและมูฟได้เคลื�อนย้ายถิ�นฐานจาก
บั้านเกิดของตน เพิื�อลงหลักปักฐานพิัฒนากรอบัความคิดทางวิชาการสำหรับัแก้ปริศูนาความล้มเหลวของฝ่่าย
ซ้ายดังที�ได้กล่าวไปก่อนหน้านี� โดยเฉพิาะความนิยมของปัญญาชน/นักวิชาการฝ่่ายซ้ายขณีะนั�นที�มีต่อแนวคิด
เรื�องอำนาจนำของกรัมชี� อาทิเช่น ข้อเขียนทางการเมืองของสจ๊วต ฮอลล์ (Stuart Hall) นักวิชาการด้านวัฒนธิ์รรม
ศูึกษาผู้เป็นบัรรณีาธิ์ิการของวารสาร New Left Review อันโด่งดัง ที�นำเอาแนวคิดเรื�องอำนาจของกรัมชี�ไปปรับั
ประยุกต์เพิื�อทำความเข้าใจความอ่อนแอของขบัวนการฝ่่ายซ้ายในสหราชอาณีาจักรรวมไปถึงกลยุทธิ์์ของฝ่่าย
อนุรักษ์นิยมที�มีชัยเหนือฝ่่ายซ้ายผ่านชัยชนะอันถล่มทลายจากการเลือกตั�งของนางมากาแร็ต แทตเช่อร์ (Margaret
Thatcher) 15
ทว่า แม้แนวคิดเรื�องอำนาจนำของกรัมชี�จะเริ�มเป็นที�นิยมในกลุ่มนักวิชาการฝ่่ายซ้ายในสหราชอาณีาจักร
ขณีะนั�น แต่ในขณีะที�นักวิชาการคนอื�น ๆ อาจมุ่งเน้นการนำเอาแนวคิดดังกล่าวไปใช้ทำความเข้าใจลักษณีะทาง
วัฒนธิ์รรมที�รองรับับัรรยากาศูทางการเมืองที�กำลังเปลี�ยนไป ลาคราวและมูฟกลับัใช้แนวคิดเรื�องอำนาจมาเป็น
กุญแจสำหรับัแก้ปัญหาความคับัแคบัภายในแนวคิดเรื�องอุดมการณี์ของอัลธิ์ูแซร์ ดังบัทความชิ�นสำคัญของมูฟ
ซึ�งมุ่งนำเสนอประเด็นว่าแนวคิดเรื�องอำนาจนำของกรัมชี�นั�นแท้จริงแล้วจะไม่ใช่อะไรเลยนอกจากคำอธิ์ิบัายถึง
ไวยากรณี์ทางการเมืองที�กำกับัภาคปฏิิบััติการของอุดมการณี์ กล่าวคือ ในขณีะที�กรัมชี�จะกล่าวถึงอำนาจนำว่า
เป็นเครื�องมือสำคัญที�ช่วยให้ขบัวนการเคลื�อนไหวของชนชั�นกรรมาชีพิสามารถขยายแนวร่วมผ่านบัทบัาทของ
ปัญญาชน (ของขบัวนการ) ที�นำเสนอและเผยแพิร่ชุดความคิด/ความรู้ต่อสังคมการเมืองจนกำหนดวาระทาง
สังคม/ศูีลธิ์รรม ทำให้สมาชิกของชนชั�นอื�น ๆ คล้อยตามเป้าหมายของชนชั�นกรรมาชีพิที�มุ่งปฏิิวัติเปลี�ยนแปลง
ระบัอบัการเมืองที�เป็นอยู่ มูฟกลับัมองว่าการสร้างอำนาจนำผ่านบัทบัาทของปัญญาชนเพิื�อเผยแพิร่ชุดความคิด/
14 Ibid, pp. 5-6
15 ดูเพิิ�มเติมได้ใน Perry Anderson, The H-Word: The Peripeteia of Hegemony (London: Verso, 2017), pp.85-99