Page 90 - kpiebook65072
P. 90
89
3.2.2.2 ต้องปรากฏการปฏิเสธที่จะยอมรับว่าได้มีการจ�ากัด
เสรีภาพหรือการปกปิดชะตากรรมของบุคคลที่ถูกกระท�าให้สูญหาย
การปฏิเสธ (Refusal) และการปกปิด (Concealment)
เป็นองค์ประกอบที่ทำาหน้าที่แยกการกระทำาให้บุคคลสูญหายออกจาก
การกระทำาอื่น ๆ ที่มีลักษณะเป็นการจำากัดเสรีภาพของบุคคล เช่น การจับกุมคุมขัง
โดยอำาเภอใจในกรณีปกติ โดยอนุสัญญา CED ได้ระบุว่าการกระทำาให้บุคคล
สูญหายจะต้องปรากฏว่ามีการปฏิเสธที่จะยอมรับว่าได้มีการจำากัดเสรีภาพ
เกิดขึ้น หรือมีการปกปิดชะตากรรมของบุคคลที่ถูกกระทำาให้สูญหาย เพื่อมิให้
บุคคลอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวหรือญาติ ทราบชะตากรรมหรือที่อยู่
ของบุคคลนั้น เช่น การที่ครอบครัวหรือญาติไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำารวจ
162
ถึงความเป็นไปของบุคคลที่ถูกจับกุมไป แต่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่มีการจับกุม
บุคคลนั้น หรือยอมรับว่ามีการจับกุมบุคคลนั้นจริงแต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผย
รายละเอียดว่าบุคคลนั้นตอนนี้อยู่ที่ใดและมีชะตากรรมเป็นอย่างไร
163
ซึ่งจากพฤติการณ์นี้ แสดงให้เห็นว่าการกระทำาให้บุคคลสูญหายไม่เพียงแต่
เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลที่ถูกกระทำาให้สูญหายเท่านั้น
แต่ยังเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของครอบครัวหรือญาติของบุคคลดังกล่าวด้วย
ตัวอย่างของการกระทำาให้บุคคลสูญหาย คือ การที่สำานักข่าวกรองกลางสหรัฐ
ได้ถูกกล่าวหาและปฏิเสธว่าได้มีการกระทำาให้บุคคลจำานวนมากสูญหายและนำาไป
คุมขังใน “black sites” ทั่วโลกในช่วงบริบทสงครามต่อต้านการก่อการร้าย 164
162 Sangeeta Shah, “Detention and Trial”, in International Human Rights
Law, eds. Daniel Moeckli, Sangeeta Shah and Sandesh Sivakumaran (Oxford
University Press, 2018), p. 262.
163 Solla Maria Fernanda Perez, “Enforce Disappearance,” in International
Human Rights: A Comparative Analysis (Vienna, 2004), p. 20.
164 United Nations Human Rights Council, Joint study on global practices
in relation to secret detention in the context of countering terrorism
of the Special Rapporteur on the Promotion and Protection of
Human Rights and Fundamental Freedoms while Countering Terrorism,
19 February 2010, A/HRC/13/42.
inside_ .indd 89 14/9/2565 11:15:02