Page 212 - kpiebook65072
P. 212
211
ข้อยกเว้นในเรื่องนี้ มีที่มาจากหลักการไม่ผลักดันบุคคลกลับไปสู่
อันตราย (Non Refoulement) ตามที่ปรากฏในข้อบทที่ 33 ของอนุสัญญา
ว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. 1951 เช่นกัน และยังสอดคล้องกับสนธิสัญญา
ต้นแบบว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่กำาหนดให้รัฐผู้รับคำาร้องขอจะต้องปฏิเสธ
การส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า
คำาขอให้ส่งบุคคลนั้นเป็นผู้ร้ายข้ามแดนมีขึ้นเพื่อความมุ่งประสงค์ในการดำาเนินคดี
หรือลงโทษบุคคลเพราะเหตุแห่งเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ ชาติพันธุ์ กำาเนิด
ความคิดเห็นทางการเมือง เพศ หรือสถานะใด ๆ ของบุคคลนั้น 407
ดังนั้น เมื่อนำามาพิจารณาในบริบทการกระทำาให้บุคคลสูญหาย แม้จะ
เห็นได้ว่าข้อความที่ปรากฏในอนุสัญญา CED มีความคล้ายคลึงกับข้อความ
ในสนธิสัญญาต้นแบบว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างยิ่ง แต่ผู้ร่างฯ ก็มิได้
ใช้ถ้อยคำาในลักษณะที่เป็นข้อห้ามอย่างชัดเจนดังเช่นที่ปรากฏในสนธิสัญญา
ต้นแบบว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพียงแต่ปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น
มากขึ้น โดยระบุในลักษณะที่ห้ามมิให้รัฐภาคีนำาไปอ้างได้ว่าการดำาเนินการ
ดังกล่าวเป็นไปตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญา CED ในการส่งตัวบุคคล
ดังกล่าวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน แม้จะเป็นที่ประจักษ์ว่ามีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่บุคคลนั้น
จะถูกดำาเนินคดีหรือถูกลงโทษเพราะเหตุแห่งเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ ชาติพันธุ์
กำาเนิด ความคิดเห็นทางการเมือง เพศ หรือสถานะใด ๆ ของบุคคลนั้นก็ตาม
408
“7. Nothing in this Convention shall be interpreted as imposing an obligation
to extradite if the requested State Party has substantial grounds for believing
that the request has been made for the purpose of prosecuting or punishing
a person on account of that person’s sex, race, religion, nationality, ethnic
origin, political opinions or membership of a particular social group, or that
compliance with the request would cause harm to that person for any one
of these reasons.”
407 Supra Note 377, Model Treaty, Art. 3(b).
408 Supra Note 15, p. 240.
inside_ .indd 211 14/9/2565 11:15:06