Page 209 - kpiebook65072
P. 209
208 บทบัญญัติทางกฎหมาย เพื่อการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำาให้บุคคลสูญหาย
ด้วยสาเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ สมาชิกภาพในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ไม่ว่าทางสังคมหรือทางความคิดด้านการเมือง” อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า
397
ผู้ที่ได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญานี้ คือ ผู้ที่ได้รับการรับรองสถานะเป็นผู้ลี้ภัย
เท่านั้น กล่าวคือ ผู้ที่หลบหนีการถูกประหัตประหารจากรัฐต้นทางบนพื้นฐาน
398
ของเหตุต่าง ๆ ที่อนุสัญญาระบุ นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับสนธิสัญญา
ต้นแบบว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่กำาหนดให้รัฐผู้รับคำาร้องขอจะต้องปฏิเสธ
การส่งผู้ร้ายข้ามแดนเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้น
จะถูกทรมานหรือไม่ได้รับการประกันสิทธิขั้นตำ่าในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา 399
ดังนั้น เมื่อนำามาพิจารณาในบริบทการทรมานและการกระทำาให้
บุคคลสูญหาย ผู้ร่างฯ จึงได้ปรับข้อความให้สอดคล้องกับบริบทแห่งอนุสัญญา
มากขึ้น โดยกำาหนดห้ามรัฐภาคีมิให้ขับไล่ ส่งกลับ (ผลักดันกลับออกไป)
บุคคลใด ๆ ไม่ว่าจะโดยฐานของการส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือโดยเหตุอื่น
หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะตกอยู่ภายใต้อันตรายที่จะถูกทรมาน
400
หรือที่ถูกกระทำาให้สูญหาย เนื่องจากหากปล่อยให้มีการดำาเนินการที่ฝ่าฝืน
ข้อห้ามนี้จนส่งผลให้บุคคลนั้นตกอยู่ในอันตราย ก็จะเป็นการดำาเนินการ
ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และความมุ่งประสงค์ของอนุสัญญา
อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับกำาหนดมาตรฐานการพิจารณาว่าต้องมี “เหตุอันควร
เชื่อได้ว่า” ซึ่งมาจากคำาภาษาอังกฤษว่า “substantial grounds for believing
that” ว่าบุคคลนั้นจะตกอยู่ภายใต้อันตราย โดยการพิจารณาพฤติการณ์นั้น
401
ต้องกระทำาเป็นเฉพาะรายกรณีไป อย่างไรก็ดี ผู้ร่างฯ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
397 United Nations General Assembly, Convention Relating to the Status of
Refugees, UNTS Vol. 189 (1951), p. 137, Art. 33.
398 Supra Note 141, CAT Handbook, p. 125.
399 Supra Note 377, Model Treaty, Art. 3(f).
400 Supra Note 141, CAT Handbook, p. 126.
401 Ibid, CAT Handbook, p. 127.
inside_ .indd 208 14/9/2565 11:15:06