Page 30 - kpiebook65055
P. 30

30      การศึกษาวิเคราะห์ร่างกฎหมายและกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิในอากาศสะอาด





             มากที่สุด  ส�าหรับกฎหมายของสหภาพยุโรปนั้น ก�าหนดให้มีการจัดท�าแผนปฏิบัติการขึ้นตามที่ Directive
                     57
             2008/50/ EC on ambient air quality and cleaner air for Europe ได้ก�าหนดไว้ กฎหมายฉบับนี้ที่ก�าหนด
             กรอบการบริหารจัดการคุณภาพอากาศในประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปโดยให้รัฐสมาชิกสร้างระบบ

             ขึ้นมาเพื่อให้มั่นใจว่าระดับของมลสาร เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ฝุ่น PM  ฝุ่น PM   ตะกั่ว ไนโตรเจน
                                                                            10        2.5
             ออกไซด์ เบนซีน และคาร์บอนมอนอกไซด์ในพื้นที่ (zones) และ agglomeration ไม่เกินค่ามาตรฐาน

             (limits values) ที่ได้ก�าหนดไว้ใน ภาคผนวก XI และหากกว่าพื้นที่ และ agglomeration ใด มีสารมลพิษ
             ทางอากาศเกินค่ามาตรฐาน กฎหมายได้ก�าหนดหน้าที่ให้รัฐสมาชิกต้องจัดท�าแผนปฏิบัติการด้านคุณภาพ

             อากาศ (air quality action plan) ขึ้นเพื่อใช้บังคับกับพื้นที่ดังกล่าวตามที่ระบุอยู่ในข้อ 23 (1) ทั้งนี้ เพื่อให้
             ระดับของสารมลพิษทางอากาศเป็นไปตามค่ามาตรฐานหรือค่าเป้าหมายที่ก�าหนดไว้ รัฐสมาชิกต้องระบุ

             มาตรการที่รัฐจะน�ามาใช้ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องควบคุมให้การเกินค่ามาตรฐานนั้นอยู่ในช่วงระยะเวลา
             ที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (as short as possible) มีคดีจ�านวนมากที่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรม

             แห่งสหภาพยุโรป (Court of Justice of the European Union (CJEU)) ที่เกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่
             ของรัฐตามที่ก�าหนดไว้ในข้อนี้ ซึ่งจะได้กล่าวโดยสังเขปในล�าดับต่อไป


                                                   58
                      ในคดี Commission v Bulgaria  คณะกรรมาธิการยุโรปได้ฟ้องร้องประเทศบัลแกเรียต่อ
             ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป กล่าวหาว่าประเทศบัลแกเรียปล่อยให้ระดับของมลสารทางอากาศเกิน
             ค่ามาตรฐานอย่างเป็นระบบและอย่างต่อเนื่อง ปรากฏหลักฐานจากรายงานประจ�าปีด้านคุณภาพอากาศ

             ว่ามีค่า PM  เกินค่ามาตรฐาน ทั้งค่ามาตรฐานประจ�าวันและประจ�าปี ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 8 ปี
                       10
             และไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงอย่างชัดเจน ศาลเห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการในประเด็นนี้และวินิจฉัยว่า

             ประเทศบัลแกเรียไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แม้ประเทศบัลแกเรียกข้อโต้แย้งการกระท�าของตนว่าการด�าเนินการ
             ให้เป็นไปตามกฎหมายนั้นมีอุปสรรคเนื่องมาจากสถานการณ์ด้านสังคม-เศรษฐกิจของประเทศ กล่าวคือ

             การลดการปล่อย PM นั้นยากที่จะด�าเนินการ เพราะแหล่งก�าเนิดมลพิษดังกล่าวส่วนใหญ่มากจาก
                                 10
             การเผาไหม้จากเตาผิงของประชาชนและการจราจร เชื้อเพลิงที่ใช้ส่วนใหญ่ คือ ไม้และถ่านหิน ที่เป็นเช่นนี้

             ก็เพราะประชาชนชาวบัลแกเรียต้องประสบกับความยากล�าบากทางเศรษฐกิจ  นอกจากนั้น ประเทศ
                                                                                  59
             บัลแกเรียยังฝ่าฝืนกฎหมายโดยการไม่จัดท�าแผนปฏิบัติการด้านคุณภาพอากาศ ซึ่งแม้จะเป็นดุลยพินิจ

             ของแต่ละประเทศที่จะเลือกใช้มาตรการเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศและลดการปล่อยลงให้ต�่ากว่า
             ค่ามาตรฐาน แต่แผนปฏิบัติการนั้นจะต้องถูกก�าหนดขึ้นบนพื้นฐานของความสมดุลระหว่างเป้าหมาย

             ในการลดความเสี่ยงของภาวะมลพิษ และผลประโยชน์สาธารณะและผลประโยชน์ของเอกชนที่ขัดแย้งกัน
                                                                                                      60
             ศาลในคดี Commission v Poland ได้สร้างบรรทัดฐานเพิ่มเติม โดยระบุว่า มาตรการที่รัฐเลือกใช้ต้อง

             เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ (appropriate and effective) เพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
                                                            61
             ซึ่งจะส่งผลให้การฝ่าฝืนกฎหมายสิ้นสุดลงตามไปด้วย

             57   Air Quality Assessment and Management Regulation 2008
             58   Case C-488/15 Commission v Bulgaria [2017]

             59   Ibid para 75.
             60   Ibid para 106.
             61   Case C-336/16 Commission v Poland [2018] para 82.
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35