Page 31 - kpiebook65055
P. 31
31
ประเด็นที่น่าสนใจที่เห็นควรหยิบยกขึ้นมากล่าวในที่นี้คือ เกณฑ์ส�าหรับการประเมินว่า
มาตรการที่รัฐสมาชิกได้เลือกและระบุอยู่ในแผนปฏิบัติการคุณภาพอากาศเพียงพอแล้วหรือไม่
คดี Commission v France ยกข้อต่อสู้ว่า มาตรการที่ตนได้เลือกนั้นถูกขัดขวางโดยผลกระทบจาก
62
การเติบโตของประชากรที่สูงขึ้นส่งผลให้มีการใช้ยานพาหนะเพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของการขนส่ง
กล่าวคือ การใช้บริการสาธารณะไม่อาจเพิ่มขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ประกอบกับการแก้ปัญหา
ด้านประชากรและการเปลี่ยนผ่านไปใช้รถยนต์ให้น้อยลงนั้นเป็นเรื่องของการลงทุนในระยะยาว ประเทศ
ฝรั่งเศสย�้าอีกว่า ดุลพินิจของรัฐต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักการเคลื่อนย้ายสินค้าและผู้คนได้อย่างเสรี
นอกจากนั้น เมื่อต้องชั่งน�้าหนักของผลประโยชน์ต่างๆ ตนได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การออกกฎระเบียบ
ที่เรียกเก็บภาษีเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเพราะเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหว และหากเลือกใช้
มาตรการดังกล่าวอาจเกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น ประเทศฝรั่งเศสเห็นว่าความมีประสิทธิภาพของ
มาตรการที่เลือกใช้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของประชาชน ศาลในคดีนี้วางหลัก
63
ที่น่าสนใจหลายประการ ประการแรก ศาลอ้างถึงคดี Commission v Poland และสกัดหลักการจากคดี
ดังกล่าวโดยการเทียบเคียงว่า อุปสรรคในเชิงโครงสร้าง (structural difficulites) ที่เกิดจากความท้าทาย
ด้านสังคม-เศรษฐกิจ และด้านการเงินของการลงทุนขนาดใหญ่ ไม่ถือว่าเป็นข้อยกเว้นและความเป็นไปได้
ของการก�าหนดระยะเวลาที่สั้นที่สุดของการมีภาวะมลพิษทางอากาศที่เกินมาตรฐาน ประการที่สอง ในการ
พิจารณาว่าเป็นมาตรการที่เพียงพอหรือไม่ ศาลใช้เกณฑ์ระยะเวลาของการเกินค่ามาตรฐาน แนวโน้มของ
การลดลงของภาวะมลพิษ และสารัถตะของแผนปฏิบัติการที่จะพิจารณาจากเหตุที่มีการเกินค่ามาตรฐาน
และมาตรการที่ใช้ว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ รวมไปถึงมาตรการที่ใช้ครอบคลุมทุกภาคส่วนหรือไม่
ค�าถามต่อมาคือ หากรัฐปล่อยให้มีมลสารจนเกินค่ามาตรฐานที่ก�าหนดไว้อย่างต่อเนื่อง
และรัฐก็ไม่ได้จัดท�าแผนปฏิบัติการด้านคุณภาพอากาศ ปัจเจกบุคคลมีสิทธิตามกฎหมายอย่างไร ในกรณีนี้
ในคดี Dieter Janecek v. Freistaat Bayern ศาลวินิจฉัยว่า บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลอยู่ในฐานะ
64
ที่จะร้องขอให้เจ้าหน้าที่ที่มีอ�านาจร่างก�าหนดแผนปฏิบัติการหากมีความเสี่ยงเกิดขึ้น และหากจ�าเป็น
65
ก็สามารถฟ้องร้องต่อศาลที่มีเขตอ�านาจได้ ศาลสามารถมีสั่งให้หน่วยงานรัฐก�าหนดแผนปฏิบัติการ
66
และในกรณีที่หน่วยงานของรัฐปฏิเสธอยู่เป็นอาจิณที่จะปฏิบัติให้สอดคล้องกับค�าพิพากษาของศาล
ที่ได้สั่งให้ด�าเนินการพันธกรณีของกฎหมายสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Directive 2008/50 ก็ขึ้นอยู่กับ
ศาลภายในประเทศที่มีเขตอ�านาจที่จะบังคับเอากับ (coercive detention) เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับ
การใช้อ�านาจรัฐได้ หากบทบัญญัติแห่งกฎหมายภายในอนุญาตให้ศาลด�าเนินการดังกล่าว 67
62 Case C-636/18 European Commission v French Republic [2019]
63 Para 31
64 Case C-237/07 Dieter Janecek v. Freistaat Bayern [2008]
65 Ibid para 39.
66 Case C-404/13 ClientEarth v. The Secretary of State for the Environment, Food and Rural Affairs [2014]
67 Case C-752/18 Deutsche Umwelthilfe eV v Freistaat Bayern [2019] para