Page 197 - kpiebook65043
P. 197

สรุปการประชุมวิชาการ
                                                                               สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23  19
                                                                                   ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่


                   จากกรณีศึกษาข้างต้นทำให้เห็นว่า การที่ฝ่ายตุลาการจะเข้าไปวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับ
             การเมืองหรือไม่นั้น แต่ละประเทศจะมีการตีความและการตัดสินใจของฝ่ายตุลาการที่แตกต่างกัน
             ซึ่งความแตกต่างกันนี้เกิดจากความสอดคล้องกับบริบททางประวัติศาสตร์ และกฎหมาย
             รัฐธรรมนูญที่บัญญัติให้อำนาจเป็นสำคัญ


                   ในประเด็นที่เกี่ยวกับการตัดสินข้อพิพาททางการเมืองและกฎหมายนี้ นอกจากกรณี
             ศึกษาทั้งสองประเทศจะสะท้อนให้เห็นพัฒนาการที่ฝ่ายตุลาการใช้อำนาจแล้วส่งผลกระทบต่อ
             การตัดสินใจทางการเมืองแล้ว เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง ยังได้สะท้อนภาพถึงการตัดสินใจ
             แก้ปัญหาด้วยประเด็นทางการเมืองและประเด็นทางกฎหมายด้วย โดยเข็มทองได้ชี้ให้เห็น

             อีกครั้งว่าการออกแบบองค์กรที่ทำหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญส่วนหนึ่งเกิดจากในยุคหลัง
             หลายประเทศทั่วโลกที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้เริ่มให้ความสนใจกับเรื่องสิทธิมนุษยชน
             และสิทธิพลเมือง ดังจะเห็นได้จากการบัญญัติในรัฐธรรมนูญหลายประเทศที่จะมีการบัญญัติ

             เรื่องสิทธิเสรีภาพ ทำให้ต้องมีองค์กรทำหน้าที่พิทักษ์สิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญกำหนดขึ้น และ
             ก็คงไม่มีองค์กรใดที่ชอบธรรมมากไปกว่าฝ่ายตุลาการ และเมื่อกำหนดให้ฝ่ายตุลาการมีอำนาจ
             ควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งหมายถึงการควบคุมการใช้อำนาจขององค์กรทางการเมือง
             ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
             แล้ว บางประเทศก็อาจเกิดกรณีการนำข้อพิพาทซึ่งเป็นเรื่องทางการเมืองไปให้ศาลตัดสิน

             ซึ่งก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่าทำให้เรื่องทางการเมืองกลายเป็นเรื่องทางกฎหมาย

                   เมื่อกล่าวถึงประเด็นเรื่องทางการเมืองและเรื่องทางกฎหมายนี้ เข็มทองก็ได้อธิบาย
             เพิ่มเติมว่า จริง ๆ แล้ว เมื่อเกิดปัญหาใดปัญหาหนึ่งขึ้นมาในระบบการเมืองการปกครอง

             ก็จำเป็นจะต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องทางการเมืองหรือเรื่องทาง
             กฎหมาย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีวิธีการแก้ไขที่ไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน และก่อให้เกิด
             ผลกระทบที่ไม่เหมือนกัน

                   ทั้งนี้ ถ้าหากประเด็นดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องทางการเมืองจะมีลักษณะที่ยืดหยุ่นและเจรจาได้

             แต่อีกมุมหนึ่งคือ ด้วยความที่เรื่องทางการเมืองเป็นเรื่องที่เจรจาได้นี่เอง ก็ส่งผลให้เรื่อง
             ทางการเมืองนั้นมีความไม่แน่นอน และวิธีแก้ปัญหาของเรื่องทางการเมืองนั้น ก็อาจจะเป็น
             การทำด้วยการเจรจาต่อรองซึ่งบางทีเรื่องอาจจะไม่จบหรือไม่ได้ข้อยุติในเวลาอันรวดเร็ว
             แต่อย่างน้อยที่สุด การเจรจาต่อรองก็อาจทำให้เกิดโอกาสที่จะสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

             (win - win) ได้ แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องทางกฎหมายนั้น เป็นเรื่องที่ชี้ขาดว่าสิ่งใดถูกหรือ
             สิ่งใดผิด ซึ่งมีข้อดีคือประเด็นใดที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ถ้าหากนำเรื่องนั้นขึ้นฟ้องต่อศาล
             ศาลก็จะสามารถหาข้อยุติได้ด้วยวิธีการทางกฎหมาย โดยการชี้ถูกผิดหรือชี้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี
             แต่ก็มีข้อเสียคือการขึ้นศาลนั้นจะมีผลเป็นแค่ฝ่ายใดแพ้ หรือฝ่ายใดชนะ แต่จะแทบไม่มีโอกาส

             ที่จะเกิดกรณีที่ชนะหรือสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายได้เลย และการตัดสินตามข้อกฎหมาย ก็ไม่ใช่      สรุปการประชุมกลุ่มย่อยที่ 3
             กรณีที่จะเกิดความยืดหยุ่นได้อีกด้วย
   192   193   194   195   196   197   198   199   200   201   202