Page 199 - kpiebook65043
P. 199

สรุปการประชุมวิชาการ
                                                                               สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23  199
                                                                                   ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่


             จะต้องเป็นเช่นนั้น ก็ต้องเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการให้เหตุผลของศาลด้วย หรือ
             สอง การตัดสินที่มีลักษณะสอดคล้องกับความต้องการของคนส่วนมาก และทำให้เรื่องดังกล่าว
             เดินไปข้างหน้า หรือก็คือ ในฝ่ายการเมืองอาจมีบางเรื่องที่สอดคล้องกับความต้องการของ
             ประชาชนส่วนมาก แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ และคำตัดสินของศาลก็เป็นตัวเร่งให้สิ่งนั้น

             สามารถเดินไปข้างหน้าได้ เช่น กรณีของการแก้ประมวลกฎหมายอาญาเรื่องการยุติการตั้งครรภ์
             ซึ่งติดขัดหลายประการในรัฐสภา แต่เมื่อศาลพิพากษาแล้วก็ทำให้เรื่องดังกล่าวสามารถเดินไป
             ข้างหน้าได้ และสาม การตัดสินคดีที่ส่งผลให้เกิดการเดินไปข้างหน้ายิ่งกว่าสังคม หรือ

             ก็คือเป็นการตัดสินคดีที่ศาลเป็นผู้ชี้ทางไปหรือที่เรียกว่า enlightenment เช่น กรณีการอนุญาต
             ให้คนรักเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้ ซึ่งบางประเทศยังอยู่ในสภาวะที่ไม่พร้อม แต่เมื่อ
             ศาลพิพากษา โดยมีผลให้ต้องอนุญาตให้เกิดการจดทะเบียนดังกล่าวแล้วก็ต้องดำเนินการตาม

                   อย่างไรก็ตาม การตัดสินในแบบที่สามนี้ยังมีการศึกษาน้อยมาก ในบางกรณีก็เป็น

             การตัดสินที่สอดคล้องกับเสียงข้างมาก หรือบางกรณีก็ขัดแย้งกับเสียงข้างมากเช่นกัน และ
             ในหลายกรณีก็เป็นการตัดสินที่มีเครือข่าย (networking) หรือมีเบื้องหลัง และในบางกรณี
             ก็อาจเกิดการตัดสินที่เรียกว่า “การหยิบยืมแบบบิดผัน” (Abusive Borrowing) ซึ่งหมายถึง
             การเห็นคำวินิจฉัยของประเทศอื่น ๆ ว่าดี จึงหยิบเอาเหตุผลหรือหลักกฎหมายในคำวินิจฉัย
             ที่ดูดีหรืออาจเข้ากันได้กับธงที่ต้องการวินิจฉัยมาใช้ โดยที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ดั้งเดิม

             ของคำวินิจฉัยต้นฉบับ

                   ดังนั้น ในเมื่อคำวินิจฉัยของศาลอาจมีได้หลายรูปแบบ และอาจไม่ได้ถูกใจทุกคนเสมอไป
             เข็มทองจึงได้ชี้ว่าสิ่งที่สำคัญก็คือ ทำอย่างไรที่ฝ่ายตุลาการจะตัดสินใจให้ “ต่อให้คนไม่ชอบใจ

             คำพิพากษานั้น แต่ก็ยังลงความเห็นว่ายินดีที่จะสนับสนุนศาลในฐานะองค์กรให้อยู่ต่อไปได้”
             เช่น อาจจะไม่ชอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยินดีที่จะสนับสนุนให้ศาลรัฐธรรมนูญ
             ยังมีอยู่ต่อไป เป็นต้น


             “เส้นแบ่ง” ของการใช้อำนาจฝ่ายตุลาการกับคดีทางการเมือง


                   จากการที่ได้กล่าวถึงปรากฏการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจตุลาการในการ
             ตัดสินคดีที่อาจเกี่ยวข้องกับการเมืองแล้ว จะเห็นได้ว่าแนวโน้มของหลายประเทศในโลกก็คือ

             การพยายามให้ศาลเข้าไปถ่วงดุลการใช้อำนาจของฝ่ายการเมือง โดยหาจุดสมดุลให้ได้ว่า
             การตรวจสอบของศาลจะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของฝ่ายการเมืองมากจนเกินไป
             และจะต้องไม่เป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนมากเกินไป ซึ่งในกรณีดังกล่าวนี้
             รวินท์ ลีละพัฒนะ ได้กล่าวถึงการถอดบทเรียนจากกรณีศึกษาต่างประเทศและกรณีของ
             ประเทศไทย โดยชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าที่ผ่านมานักวิชาการด้านกฎหมายมหาชนจะพยายามวาง

             หลักเกณฑ์ว่า การดำเนินการใดถือว่าเป็นการกระทำทางรัฐบาลซึ่งมีลักษณะทางการเมืองโดยแท้       สรุปการประชุมกลุ่มย่อยที่ 3
             ที่ศาลจะไม่เข้าไปก้าวก่ายก็ตาม แต่จากการพิจารณาคำพิพากษาของศาลไทยแล้วก็พบว่า
   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203   204