Page 99 - kpiebook65022
P. 99
ในส่วนของทิศทางการพัฒนาเพื่อไปสู่ความยั่งยืน แม้จะปรากฏชัดในเอกสารนโยบายของ
รัฐบาล แต่ในทางปฏิบัติจริงกลับไม่ได้น าไปสู่เป้าหมายนั้นเช่นกัน เพราะคนในพื้นที่ของการพัฒนาเพื่อไปสู่
ความยั่งยืนนั้นยังไม่ยอมรับ ดังผู้ให้สัมภาษณ์กล่าวว่า ไม่เคยเห็นทิศทางของการพัฒนาเชิงพื้นที่หรือระบบ
นิเวศ เช่น ในพื้นที่อ าเภอจะนะ เคยมีปัญหาที่ปล่อยให้มีการไปกว้านซื้อที่ดินเพื่อไปท าการลงทุนโดยเอกชนซึ่ง
ส่งผลต่ออาชีพหลักของคนในพื้นที่ หรือทิศทางของการพัฒนาภาคใต้ที่จะต้องการท าโลจิสติกส์ทางบก จาก
ทางท่าเรือน้ าลึกในซีกของอันดามันมายังอ่าวไทยโดยเชื่อมกับอ าเภอจะนะและอุตสาหกรรมจะนะ ท่ามกลาง
ความขัดแย้งแต่รัฐบาลยังคงด าเนินการต่อโดยให้ข่าวสารและข้อมูลถึงผลประโยชน์ของโครงการ ซึ่งความ
คลุมเครือเหล่านี้ควรต้องมีการยุติและตกลงกันว่าจะมีการด าเนินการอย่างไร (ผู้ทรงคุณวุฒิ 4 [สัมภาษณ์],
8 กุมภาพันธ์ 2564)
4.3.2.4 ความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อม
ประเด็นที่เป็นปัญหายาวนานอย่างยุติธรรมสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องของการเคลื่อนไหวของภาค
ประชาชนเพื่อความเป็นธรรมที่ยังคงอยู่ เพราะช่องทางรัฐสภาหรือพรรคการเมืองยังไม่เป็นตัวแทนมากพอ
สิทธิเสรีภาพการมีส่วนร่วมยังถูกจ ากัดในกฎหมายระดับรอง แม้จะมีการรับรองตามรัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม
รวมถึงกระบวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมถูกบิดเบือนไปมาก
ยกตัวอย่างวิกฤตกฎหมายที่จ ากัดสิทธิและการมีส่วนร่วม ที่ผู้ให้สัมภาษณ์กล่าวว่า กฎหมาย
อย่าง พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ เป็นอุปสรรคของชุมชนในการออกมาเรียกร้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมของตน เริ่ม
จากค านิยามในการชุมนุมที่ระบุว่าแค่ 2 คนขึ้นไป การนิยามแบบนี้ท าให้ถูกตีความไปจนกระทั่งว่าการยื่นข้อ
เรียกร้องต่อหน่วยงานรัฐโดยถือป้ายไปด้วยก็อาจจะถูกตีความว่าเป็นการชุมนุม เป็นต้น ซึ่งท าให้พื้นที่ในการ
แสดงออกถูกจ ากัดเพราะเป็นกลไกที่มีเงื่อนไขการใช้สิทธิกลายเป็นความเสี่ยงเพราะเมื่อถูกตีความเป็นการ
ชุมนุมก็อาจจะโดนโทษทางอาญา กลายเป็นการตีความที่ท าให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อที่จะ
สื่อสารต่อสังคมผ่านการแสดงออกในหลากหลายรูปแบบมีข้อจ ากัด (ผู้ทรงคุณวุฒิ 1 [สัมภาษณ์],
25 กุมภาพันธ์ 2564)
หรือการใช้สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร ที่ผู้ให้สัมภาษณ์ยกตัวอย่างกรณีนี้ก็มีการต่อสู้
มาอย่างยาวนาน คือกระบวนการเคลื่อนไหวเรื่องเหมืองแร่ที่ขยายมาจนถึงในปัจจุบัน จะเห็นว่าในปัจจุบันมี
เรื่องการคัดค้านเหมืองทอง การคัดค้านเหมืองแร่โปแตสในภาคกลางบางส่วน รวมถึงเหมืองถ่านหินในหลาย
พื้นที่ ยกตัวอย่างการขับเคลื่อนของภาคประชาชนในการต่อสู้โรงไฟฟ้าถ่านหินในประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีทั้งหมด
อยู่ 3 จุด ที่บ่อนอก กุยบุรี บ้านกรูด และที่ถ้ าสะแก ตามแนวชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ ชาวบ้านรวมตัว
เคลื่อนไหวคัดค้านโครงการทั้ง 3 เป็นเวลาเกือบ 20 ปี หรือที่ภาคอีสานการเคลื่อนไหวการเมืองสิ่งแวดล้อม
ทางภาคอีสานก็ตีคู่ไปกับเรื่องของกระบวนการเรื่องสิทธิชุมชนเหมือนกับกรณีของภาคเหนือและใน
ประจวบคีรีขันธ์ด้วย ที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อมแต่เป็นการที่ชุมชนขึ้นมาปกป้องสิทธิในการด ารงชีวิตและ
จัดการดูแลทรัพยากรในพื้นที่ของตนเอง (ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 [สัมภาษณ์], 10 กุมภาพันธ์ 2564)
วิกฤตด้านสิทธิมีความสอดคล้องกับผู้เข้าร่วมการสนทนากลุ่มในภาคกลาง กล่าวว่า สังคมไทย
ไม่ค่อยให้ความส าคัญกับสิทธิ 3 ประการ ได้แก่ สิทธิในการรับรู้ของทุกฝ่ายว่าเข้าถึงข้อมูลได้เหมือนกันหรือไม่
เมื่อเข้าถึงข้อมูลได้ไม่เท่ากันจึงท าให้ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่รัฐ NGOs พูดคุยกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เรื่อง ต่อมาคือสิทธิใน
การเข้าถึงพื้นที่ในการพูดคุย ซึ่งภาครัฐมักเป็นตัวตั้งและเข้าด าเนินการให้แทน และสิทธิในการปฏิเสธและ
86