Page 210 - kpiebook65022
P. 210

1) บทบาทของหน่วยงานรัฐ

                       จากข้อค้นพบส่วนใหญ่ผู้ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงบริบทที่เกี่ยวข้องกับบทบาทหน่วยงานรัฐฝ่ายบริหาร
               ตามมาด้วยบทบาทหน่วยงานรัฐฝ่ายตุลาการ บทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และบทบาทฝ่ายนิติ

               บัญญัติ ซึ่งคณะผู้วิจัยขอน าเสนอบทบาท อปท.เป็นล าดับสุดท้ายเพื่อล าดับความเข้าใจได้ง่ายขึ้น

                       บทบาทหน่วยงานรัฐฝ่ายบริหาร เป็นเรื่องของบทบาทในการด าเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลผ่าน
               การบริหารจัดการและบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งพบว่า มีความไม่ต่อเนื่องของการด าเนินงาน เนื่องจาก รัฐบาล
               เปลี่ยนแปลงบ่อย อีกทั้งนโยบายสิ่งแวดล้อมของแต่ละหน่วยงานต่างกันและทับซ้อนกันหลายหน่วยงาน เช่น
               กฎหมายเกี่ยวกับที่ดินมีความเกี่ยวข้องกับกรมป่าไม้ กรมอุทยาน กรมที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน ฯลฯ แต่ขาด

               การบูรณาการกฎหมายที่เกี่ยวข้องกัน นอกจากนี้ ยังขาดการบูรณาการกับภาคส่วนอื่น เช่น ภาคเอกชน ทั้งนี้
               หน่วยงานรัฐได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องความไม่บูรณาการนี้เช่นกัน แต่ผู้ให้สัมภาษณ์บางท่านเห็นว่าการ
               แก้ปัญหาการบูรณาการด้วยการตั้งคณะกรรมการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น กรรมการด้านป่าไม้แห่งชาติ
               เหมืองแร่แห่งชาติ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฯลฯ ไม่อาจแก้ปัญหาการไม่บูรณาการกัน เพราะกลไกคณะกรรมการ

               ท าหน้าที่บูรณาการเชิงนโยบายและติดตาม ไม่ได้เป็นกลไกที่ลงมือปฏิบัติ ขณะที่ปัญหาจริงเป็นปัญหาเชิง
               ปฏิบัติมากกว่า

                       สอดคล้องกับงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลในหลายประเทศประสบความล้มเหลวในการ
               ด าเนินงานตามนโยบายสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลและการบูรณาการที่ดีจะมีการ

               แสดงออกทางนวัตกรรมนโยบายสิ่งแวดล้อมที่ดี (Jacob and Volkery, 2005) แต่การแสดงบทบาทหรือ
               ด าเนินตามโยบายของหน่วยงานรัฐต่อประเด็นสิ่งแวดล้อม จากงานวิจัยที่พบวิเคราะห์ได้ว่า ตัวแสดงภาครัฐ
               ผู้น านโยบายไปปฏิบัติยังพบความล้มเหลว แม้มีการปฏิรูปองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมแต่ก็ไม่พ้นถูกแทรกแซงจาก
               อ านาจ ท าให้ความพยายามปฏิรูปเชิงสถาบันไม่เป็นผล ดังนักวิชาการหลายท่าน เช่น การปฏิรูปการใช้
               ประโยชน์จากที่ดินในช่วงทศวรรษ 1970 ของสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นแต่หน่วยงานก็ยังไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ

               ไว้วางใจจากนักพัฒนาและผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือกรรมสิทธิ์ (Siskind, 2019) อุตสาหกรรมก๊าซจากชั้นหิน
               ได้ก่อให้เกิดข้อพิพาทที่ส าคัญในหลายระดับ ซึ่งรัฐบาลสหราชอาณาจักรก็พยายามที่จะแก้ไขข้อพิพาท แต่
               ความสามารถในการให้ค าปรึกษายังคงมีจ ากัด (Beebeejaun, 2019) การท าลายสิ่งแวดล้อมจากเหตุการณ์ไฟ

               ไหม้ป่าอเมซอน ประเทศบราซิล ยังคงมีผลกระทบที่สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่ล้มเหลวของรัฐบาล
               (Raftopoulos, and Morley, 2020) การเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเร่งด่วนมาอย่างยาวนาน อันมาจาก
               ความล้มเหลวของหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในหลายสมัย (Orr, 2020)

                       การพยายามบูรณาการผ่านกลไกคณะกรรมการของหน่วยงานรัฐในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่ารัฐเอง
               ก็พยายามแก้ไขปัญหาการด าเนินงานตามนโยบายสิ่งแวดล้อมอยู่เช่นกัน สอดคล้องกับที่ Rea กล่าวว่า

               ท่ามกลางความล้มเหลวของการด าเนินนโยบายภาครัฐ ก็ยังมีความพยายามค้นหาเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อให้
               ประสิทธิภาพการท างานของรัฐดีขึ้น เช่น การใช้เครื่องมือทางนโยบายสิ่งแวดล้อมที่มีพื้นฐานทางตลาดเป็น
               แนวทางในการก าหนดคุณภาพสิ่งแวดล้อม (Rea, 2019) หรือรัฐเกาหลีที่ได้ระดมวาทกรรมความทันสมัยทาง
               ระบบนิเวศ (Ecological modernization: EM) เป็นเครื่องมืออันทรงพลังส าหรับการสื่อสารสาธารณะของรัฐ

               (Kim and Chung, 2018) อย่างไรก็ดี คณะผู้วิจัยวิเคราะห์ตามความเห็นของนักวิชาการหลายท่านว่า
               เครื่องมือเหล่านี้ เป็นแนวทางเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับรัฐได้มีอ านาจ แต่ต้องควบคู่ไปกับการบริหาร
               จัดการแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงาน การก าหนดและบังคับใช้กฎหมาย กลไกเชิงสถาบันและกระบวนการ





                                                           197
   205   206   207   208   209   210   211   212   213   214   215