Page 206 - kpiebook65022
P. 206
อุดรธานี ที่ได้รับค าแนะน าจากประเทศอเมริกาในการวางแผนพัฒนาลุ่มน้ าโขงในภาคอีสาน หรือการสร้าง
เขื่อนผามองที่จังหวัดเลยด้วยเช่นกัน
การตัดสินใจทางนโยบายของรัฐแบบมุ่งเน้นเศรษฐกิจเป็นผลให้ประชาชนเกิดการช่วงชิง
ทรัพยากร อันน าไปสู่ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เช่น นโยบายส่งเสริมการเกษตรเชิงเดี่ยวช่วง พ.ศ.2510-2514
ท าให้เกิดการรุกป่าและจับจองที่ดิน และน ามาสู่การเคลื่อนย้ายของประชากรเพื่อไปยังพื้นที่ที่มีการจ้างงาน
และเศรษฐกิจดีกว่า ต่อมาช่วง พ.ศ.2535-2540 จัดได้ว่าเป็นช่วงที่พลิกผันของประเด็นสิ่งแวดล้อมในประเทศ
ไทย อันเป็นผลมาจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนัก ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ก่อนหน้านี้ ประกอบ
กับวาระสิ่งแวดล้อมโลกที่กรุงริโอเดอจานิโร ท าให้นโยบายสิ่งแวดล้อมของรัฐไทยในช่วงนี้ค่อนข้างเป็นไปในเชิง
ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนคือการออก พ.ร.บ.
ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ที่มีเรื่องของการตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมกับการต้อง
ประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมส าหรับโครงการที่อาจมีปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม โดยผู้ให้สัมภาษณ์มีข้อสังเกต
ว่ากฎหมายนี้ออกมาในช่วงที่สถานการณ์การเมืองในประเทศไม่เป็นปกติ หากเป็นช่วงเวลาปกติกฎหมายฉบับ
นี้อาจไม่ถูกออกมาบังคับใช้เพราะอาจมีนายทุนที่เสียประโยชน์เข้าไปมีอิทธิพลต่อการออกกฎหมาย
อย่างไรก็ดี ผู้ให้สัมภาษณ์ยังมองว่าการก าหนดนโยบายของรัฐบาลไทยมีลักษณะรวบอ านาจ
เช่น ร่าง พ.ร.บ. เขตเศรษฐกิจพิเศษในภาคใต้ที่หากออกมาได้ จะเป็นการรวบการบริหารจัดการทุกอย่าง
ภายใต้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ การเคลื่อนไหวเรื่องมาตรการสิ่งแวดล้อมที่ภาคประชาสังคม ร่วมกับหน่วยงานรัฐท ากัน
มาก็จะถูกยกเลิกไปเพราะกฎหมายฉบับนี้ ดังเช่น กรณี EEC
จากบทบาทหน่วยงานของรัฐในการตัดสินใจทางนโยบาย วิเคราะห์ได้ว่าการเมืองสิ่งแวดล้อม
ระหว่างประเทศในแบบเดิม ประเทศที่พัฒนาแล้วอาจเข้าไปมีอิทธิพลในการตัดสินใจของประเทศก าลังพัฒนา
ดังรัฐบาลญี่ปุ่นกับรัฐบาลอเมริกาที่เข้ามามีบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในอดีต ส่วนในระยะหลังวาระ
สิ่งแวดล้อมได้รับการค านึงถึงมากขึ้น เห็นได้จากเวทีการเมืองสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ท าให้แต่ละประเทศ
มีภารกิจที่ต้องน าข้อตกลงนั้นมาด าเนินการให้เป็นนโยบายหรือกฎหมายภายในประเทศ หากแต่ผู้ก าหนด
นโยบายระดับประเทศ บางครั้งไม่ได้ด าเนินนโยบายทางกฎหมายในประเทศให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่าง
ประเทศ (Green and Colgan, 2012) ซึ่งผู้ให้สัมภาษณ์หลายท่านเห็นว่า ผู้ปกครองรัฐไทยยังคงเน้นการ
พัฒนาทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด ไม่ได้พัฒนาไปในทางที่จะท าให้เกิดความยั่งยืน เป็นไปได้ว่าผู้ก าหนด
นโยบายได้รับอิทธิพลหลายประการ ดังที่ Davis พบว่า ภาครัฐนั้นมีการตัดสินใจทางนโยบายที่โน้มเอียงไป
ในทางผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (Davis, 2005; Davis, 2007) หรือ Hochstetler พบว่า สายสัมพันธ์ระหว่างผู้
ก าหนดนโยบายกับตัวแสดงในพื้นที่นโยบายในประเทศบราซิล มีผลให้การแก้ปัญหาท าลายป่าถูกละเลยในช่วง
เปลี่ยนผ่านประธานาธิบดี โดยนโยบายเปลี่ยนไปในทางส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และพลังงาน
มากกว่า เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมมีสายสัมพันธ์ไม่มากนักกับกลุ่มนักเคลื่อนไหว จึงท าให้
นโยบายป่าไม้เปลี่ยนไป (Hochstetler, 2017)
นอกจากนี้ จากข้อค้นพบบทบาทของท้องถิ่นในมุมมองของผู้ให้สัมภาษณ์ท าให้เห็นว่าท้องถิ่น
ยังคงมีบทบาทในเชิงนโยบายและการบริหารจัดการบริการสาธารณะ เพื่อตอบสนองความต้องการของ
ประชาชน ซึ่งอาจยังเป็นบทบาทที่ไม่ครบถ้วนเพียงพอ เพราะในความเป็นจริงแล้วท้องถิ่นสามารถมีบทบาทใน
เชิงนิติบัญญัติได้ด้วย ดังที่ นิยม ยากรณ์, กฤษฎา บุญชัย และทัชชวัฒน์ เหล่าสุวรรณ พบว่า ในการตัดสินใจ
ระดับท้องถิ่น มีกระบวนการสร้างข้อบัญญัติท้องถิ่นของกรณีศึกษา เพื่อเป็นกลไกการจัดการทรัพยากรร่วมของ
193