Page 20 - kpiebook65022
P. 20
การกระท าเพียงเล็กน้อยของแต่ละคนที่อาจเห็นว่าเล็กน้อยกลับมีผลกระทบเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ เช่น ปัญหา
โลกร้อนที่อาจเกิดจากการกระท าหลายอย่างของหลายคนทั่วโลก อย่างสายการบิน การขับขี่ยานพาหนะ
เครื่องท าความร้อนในบ้าน ฯลฯ ประการต่อมาของลักษณะปัญหาสิ่งแวดล้อม คือ ความเป็นทรัพยากรส่วนรวม
(Common pool resource) คือ ทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตนต่างก็เข้าถึงสิ่งแวดล้อมจึงไม่มีใครที่ไม่ก่อให้เกิด
ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงยากในข้อนี้ที่ว่าหากจะแก้ปัญหาหนึ่ง เช่น การปลดปล่อยมลพิษ
โรงงานที่ปล่อยมลพิษทั้งหมดก็ต้องลดการปล่อยเหมือน ๆ กัน เพราะถ้ายังมีบางโรงงานปล่อยอยู่ปัญหา
สิ่งแวดล้อมก็ยังคงอยู่ และอาจท าให้ทุกคนไม่สนใจที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมไว้
ประการที่สี่ของลักษณะปัญหาสิ่งแวดล้อม คือ ช่วงเวลาและสถานที่ของปัญหาสิ่งแวดล้อม (Time
and distance) ปัญหาสิ่งแวดล้อมมีความไม่เชื่อมโยงระหว่างระยะเวลาที่เกิดปัญหาและสถานที่ที่ปัญหา
สิ่งแวดล้อมนั้นเกิด จึงท าให้เกิดปัญหาในทางการเมืองสิ่งแวดล้อม เพราะบางปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้น
ทันที เช่น มลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นในพื้นที่ปิด ก็อาจจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที แต่บางปัญหากว่าจะ
ส่งผลกระทบให้เห็นใช้เวลานาน เช่น สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFCs) ที่จะส่งผลกระทบต่อชั้นโอโซนก็ใช้
เวลาเป็นศตวรรษนับจากที่สารนี้ถูกปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ ประการต่อมา สิ่งแวดล้อมมีความไม่เป็น
เส้นตรง (Non-linearities/tipping point) ผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ได้เกิดขึ้นแบบเหตุและผลเสมอไป
เพราะความเป็นเหตุและผลมีความซับซ้อน เช่น ทรัพยากรสัตว์น้ าที่ลดลง อาจไม่ใช่เพราะการจับสัตว์น้ าที่มากไป
อย่างเดียว แต่เป็นผลจากโลกร้อนที่ท าให้อุณหภูมิกระแสน้ าเปลี่ยน ฯลฯ
ประการสุดท้าย DeSombre กล่าวว่า ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมให้ความรู้สึกถึงความขาดแคลน (Effect
of scarcity) คือ สิ่งแวดล้อมมีลักษณะเฉพาะที่ยึดโยงข้ามไปมากับเศรษฐกิจ ในเรื่องที่ว่าจะจัดการอย่างไรเมื่อ
สิ่งแวดล้อมขาดแคลน และทรัพยากรหมุนเวียนบางประเภทท าให้คนยังรู้สึกว่าอย่างไรก็ยังมีทรัพยากรใช้อยู่
เสมอ หรือหากทรัพยากรบางประเภทขาดแคลน เช่น น้ ามัน คนก็จะหานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อใช้ทรัพยากร
เหล่านั้นให้น้อยลงเพราะทรัพยากรที่หายากจะยิ่งมีราคาแพงมากขึ้น (ไม่ใช่เพราะเห็นแก่สิ่งแวดล้อม)
(DeSombre, 2020, pp.5-23)
ด้วยลักษณะเฉพาะของประเด็นปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่กล่าวมานี้ จึงมีความสัมพันธ์และท้าทาย
กับโครงสร้างทางการเมืองและตัวแสดงที่เกี่ยวข้องอย่างมาก เพราะการเมืองเป็นกระบวนการภายในสังคม
ส าหรับการท านโยบาย นโยบายอาจมีความเฉพาะเจาะจงว่าเป็นการศึกษาเกี่ยวกับทางเลือกว่าคนในสังคมจะ
เลือกอะไร แต่การเมืองมีความต่างกว่านั้น เพราะการเมืองเป็นการศึกษากระบวนการในสังคมที่แต่ละภาคส่วน
มาท าการตัดสินใจทางนโยบายและก าหนดกฎเกณฑ์ร่วมกัน พื้นที่ของการเมืองมักเกิดขึ้นในฝ่ายรัฐบาลแต่ก็ไม่
เสมอไป เพราะหลายครั้งกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจก็ได้มาเข้าร่วมในพื้นที่การเมือง
เพื่อที่จะป้องกันแก้ไขปัญหาที่พวกเขาได้รับหรืออาจจะได้รับผลกระทบ (DeSombre, 2020, p.1; p.24)
การเสนอว่าการเมืองคืออะไรโดย DeSombre ท าให้เห็นว่าการเมืองมักมีผู้เล่นที่เป็นตัวแสดงที่เป็น
ทางการอย่างภาครัฐ องค์กร หรือประชาชนที่เข้ามาร่วมในพื้นที่ที่รัฐจัดขึ้น ยกตัวอย่าง การตัดสินใจทาง
นโยบายและกฎหมายในกระบวนการทางรัฐสภา เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเจนถึงค าว่าการเมืองในระบอบ
ประชาธิปไตยแบบตัวแทน อย่างไรก็ดี การเมืองภาคพลเมืองถูกน าเข้ามาแทนที่การเมืองในแบบตัวแทน
ด้วยเหตุผลที่ว่าการเมืองแบบตัวแทนนั้นไม่อาจตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ดังที่เดวิด แมทธิวส์
กล่าวว่า การเมืองในแบบที่ประชาชนเข้าคูหาแล้วเลือกผู้แทนของตนเข้าไปท างาน กลับท าให้ประชาชนรู้สึกว่า
เข้าถึงผู้แทนและเข้าถึงนโยบายได้ยาก ผู้แทนบางครั้งท าหน้าที่เป็นนักล็อบบี้เพื่อผลประโยชน์ของพรรคตน
7