Page 193 - kpiebook65022
P. 193
นอกเหนือจากประเด็นทรัพยากรและยุติธรรมสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีงานวิจัยในประเด็นมลพิษ ความยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ภัยพิบัติ และประเด็นอื่น ๆ
ส าหรับข้อค้นพบจากการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่มในประเด็นทรัพยากรป่าไม้ มีการออกกฎหมาย
ใหม่ว่าด้วยเรื่องป่าไม้ เช่น พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ที่มีมาตรการที่เกี่ยวข้องกับ
การอนุญาตให้คนใช้ประโยชน์จากป่าและอยู่อาศัยในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ หรือการปลดล็อคการตัดไม้หวงห้ามใน
ที่ดินกรรมสิทธิ์ของตนตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ในมาตรา 7 หรือการออกกฎหมายป่าชุมชนที่ได้มีการต่อสู้มา
อย่างยาวนาน ที่น าชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลจัดการ ส าหรับประเด็นทรัพยากรน้ า มีความพยายาม
บูรณาการหน่วยงานภาครัฐด้วยการออกพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ าแห่งชาติ พ.ศ. 2561 เพื่อแก้ไขปัญหา
ปัญหาน้ าท่วมหรือภัยแล้งซ้ าซาก ตลอดจนปัญหาทรัพยากรน้ าเชิงพื้นที่ ขณะที่งานวิจัยในช่วงนี้ ในประเด็น
ทรัพยากรมี 5 ชิ้น โดยมีเรื่องที่เกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้ ได้แก่ ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมของภาคพลเมือง
ต่อการทวงคืนผืนป่าดอยสุเทพ (วินิจ ผาเจริญ และรุจาดล นันทชารักษ์, 2563) ทรัพยากรน้ า ได้แก่ การพัฒนา
แหล่งน้ าตามศักยภาพลุ่มน้ าชีตอนบน จังหวัดชัยภูมิ ตามแผนยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี (ประพิศ
จันทร์มา, 2563) นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาการเมืองสิ่งแวดล้อมในประเด็นทรัพยากรแร่ ได้แก่ เรื่องการบริหาร
ปกครองด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับข้อสังเกตกรณีเหมืองแร่โปแตชอาเซียน จังหวัดชัยภูมิ
(จักรกฤษ กมุทมาศ และศุภวรรณ คล่องด าเนินกิจ, 2560) หรือการเมืองสิ่งแวดล้อมในประเด็นทรัพยากรใน
ภาพรวม ได้แก่ เรื่องกระบวนการสร้างกลไกการจัดการทรัพยากรร่วมของชุมชนโดยใช้ข้อบัญญัติท้องถิ่น (นิยม
ยากรณ์, กฤษฎา บุญชัย, และทัชชวัฒน์ เหล่าสุวรรณ, 2562) ที่ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการสร้างข้อบัญญัติ
ท้องถิ่นเพื่อเป็นกลไกการจัดการทรัพยากรร่วมของชุมชน และเงื่อนไขเชิงโครงสร้างทางกฎหมาย และการเมือง
ต่อการผลักดันข้อบัญญัติท้องถิ่น เห็นได้ว่า งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมในช่วงนี้มีความพยายามยึดโยงกับ
โครงสร้าง นโยบาย หรือกฎหมายมากขึ้น เช่น งานวิจัยของประพิศ จันทร์มา (2563) ที่ศึกษาการพัฒนาแหล่ง
น้ าลุ่มน้ าชีตามแผนยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี หรือ นิยม ยากรณ์, กฤษฎา บุญชัย, และทัชชวัฒน์
เหล่าสุวรรณ (2562) ที่ศึกษากระบวนการสร้างกลไกการจัดการทรัพยากรร่วมของชุมชนโดยใช้ข้อบัญญัติ
ท้องถิ่น ซึ่งต่างจากงานวิจัยช่วงก่อนหน้านี้ที่ไม่สามารถแบ่งประเภททรัพยากรได้ชัดเจน หรือไม่ก็เป็นการศึกษา
ในเชิงการเคลื่อนไหวของประชาชนต่อการจัดการทรัพยากรประเภทนั้น ๆ
ประเด็นยุติธรรมสิ่งแวดล้อมในช่วง พ.ศ.2560 เป็นต้นมา มีความเกี่ยวพันกับเรื่องสิทธิและการมีส่วนร่วม
ตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2560 โดยสิทธิและการมีส่วนร่วมในประเด็นสิ่งแวดล้อมของภาคประชาชนถูกเขียนไว้
ในหมวดว่าด้วยหน้าที่ของรัฐ แสดงว่าประชาชนท าหน้าที่เพียงเข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมที่รัฐจัดแต่ไม่ได้มีส่วนร่วม
ในฐานะเป็นเจ้าของทรัพยากร รวมทั้งช่องทางการมีส่วนร่วมมีความยุ่งยากมากขึ้นด้วย เพราะการท าหน้าที่
ของรัฐนี้ไปโยงกับขั้นตอนการเรียกร้องสิทธิ ที่ประชาชนต้องไปร้องต่อหน่วยงาน ผ่านผู้ตรวจการ ผ่าน
คณะรัฐมนตรี ไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีความซับซ้อนและยุ่งยาก ต่างจาก
สิทธิในรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2550 ที่รับรองสิทธิและประชาชนสามารถอ้างสิทธิในการมีส่วนร่วมจัดการ
สิ่งแวดล้อมกับรัฐได้เลย งานวิจัยการเมืองสิ่งแวดล้อมในช่วงนี้ในประเด็นยุติธรรมสิ่งแวดล้อมพบมากที่สุด 8
ชิ้น ซึ่งยังมีงานวิจัยที่ศึกษาเชิงการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนอยู่เหมือนกับช่วง พ.ศ.2540-2549 เช่น
ขบวนการต่อต้านโครงการรัฐในภาคใต้: วิกฤติหรือโอกาสด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมของชุมชน (เบญจวรรณ
อุปัชฌาย์, 2562) หรือชนพื้นเมืองกับการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมของปกาเกอะญอ พื้นที่แม่แจ่ม (ประสิทธิ์
ลีปรีชา และกนกวรรณ มีพรหม, 2562) อย่างไรก็ดี การศึกษาเรื่องพลวัตของขบวนการเคลื่อนไหวด้าน
สิ่งแวดล้อมในการเมืองภาคประชาชน (กิตชัยยกุลย์ อินทร์แก้ว, สุชาติ ศรียารัณย, ประภาส ปิ่นตบแต่ง, และ
180