Page 67 - kpiebook64014
P. 67

รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ2 “บทบัญญัติทางกฎหมายเพื่อการป@องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำใหFบุคคลสูญหาย”  สถาบันพระปกเกลFา


                                                                 238
               ประสิทธิผลว<าการทรมานนั้นจะไม<เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ  ในขณะที่อนุสัญญา CED กำหนดคุณลักษณะของ
               มาตรการปLองกันแตกต<างไปจากอนุสัญญา CAT กล<าวคือ ใช;คำว<ามาตรการที่เหมาะสม (Appropriate) แทน
               อย<างไรก็ดี แม;การใช;คำจะต<างกัน แต<ก็ได;มีความเห็นว<าคำว<ามาตรการที่เหมาะสมตามที่อนุสัญญา CED ใช;นั้น

               แท;จริงแล;วหมายถึง หน;าที่ของรัฐภาคีในการดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิผลเพื่อที่จะดำเนินคดีต<อผู;กระทำผิด

                     239
               นั่นเอง  จึงอาจสรุปได;ว<าอนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับกำหนดคุณลักษณะของมาตรการปLองกันในทิศทางเดียวกัน
                     นอกจากนี้ พันธกรณีในเรื่องนี้ไม<ได;กำหนดว<ารัฐภาคีจะต;องประกันว<าจะไม<เกิดการกระทำผิดใด ๆ เลยใน

               เขตอำนาจของตน แต<ดังที่ได;กล<าวไปแล;วข;างต;น  รัฐภาคีจะมีความรับผิดหากพิสูจน,ได;ว<ารัฐล;มเหลวหรือ
                                                          240
               บกพร<องในการปLองกันมิให;เกิดการกระทำความผิดตามอนุสัญญาในเขตอำนาจของรัฐ  ไม<ว<าการกระทำนั้นจะได;
                                                                                      241
               กระทำโดยเจ;าพนักงานของรัฐ เอกชนที่มีความเกี่ยวข;องกับรัฐ หรือเอกชนอื่น ๆ
                                                                                 242
                     4.1.2  การไมcอาจอ.างเหตุเพื่อเลี่ยงไมcปฏิบัติตามพันธกรณี


                     โดยหลักแล;ว อนุสัญญาด;านสิทธิมนุษยชนหลายฉบับมีบทบัญญัติที่เปดช<องให;รัฐภาคีสามารถอ;างพฤติการณ,
               พิเศษบางประการเพื่อเลี่ยงไม<ปฏิบัติตามพันธกรณีด;านสิทธิมนุษยชนได; หรือที่เรียกว<า “derogation” แต<การ

               เลี่ยงไม<ปฏิบัติตามพันธกรณีดังกล<าว จะต;องเข;าเงื่อนไขที่ว<า 1) เป_นพฤติการณ,ที่อนุสัญญายอมรับให;สามารถเลี่ยง
               ไม<ปฏิบัติตามพันธกรณีได; และ 2) เป_นพันธกรณีที่อนุสัญญาระบุให;สามารถเลี่ยงไม<ปฏิบัติตามพันธกรณีได;


                     ในกรณีการทรมานและการกระทำให;บุคคลสูญหาย อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับ กำหนดตรงกันว<าสิทธิที่จะไม<ถูก
               ทรมานและสิทธิที่จะไม<ถูกกระทำให;สูญหายเป_นสิทธิสมบูรณ, (Absolute Right)  ซึ่งสอดคล;องกับแนวทางที่
                                                                                   243
                                                                                                           245
               ปรากฏในอนุสัญญาด;านสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ ด;วย เช<น กติกา ICCPR  และอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนแห<งยุโรป
                                                                        244
               ดังนั้น พันธกรณีในการคุ;มครองสิทธิทั้ง 2 ประเภทนี้จึงเป_นพันธกรณีที่ไม<อาจอ;างเหตุเพื่อเลี่ยงไม<ปฏิบัติตามได; โดย
               เหตุเช<นว<าที่ปรากฏในอนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับนั้น สามารถแบ<งออกพิจารณาได; 2 ประเภท คือ เหตุอันเกิดจาก

               พฤติการณ,พิเศษ และเหตุอันเกิดจากคำสั่งผู;บังคับบัญชาหรือจากทางการ





                     238  Ibid, p. 123.
                     239  Supra Note 15, p. 201.
                     240  โปรดดูหัวขFอ 2.1.1.2.
                     241  Supra Note 141, CAT Handbook, p. 123.
                     242  Kirsten Anderson, “How Effective is the International Convention for the Protection of All Persons from Enforced
               Disappearance Likely to be in Holding Individuals Responsible for Acts of Enforced Disappearance?,” in Melbourne Journal of
               International Law Vol. 7/2 (2006), p. 274.
                     243  Supra Note 18, p. 99.
                     244  Supra Note 11, ICCPR, Art. 4.
                     245  Supra Note 110, ECHR, Art. 15.



                                                             67
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72