Page 111 - kpiebook64014
P. 111

รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ2 “บทบัญญัติทางกฎหมายเพื่อการป@องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำใหFบุคคลสูญหาย”  สถาบันพระปกเกลFา


                                                               ประเทศในรัฐนั้นอย1างร7ายแรง โดยซึ่งหน7า หรืออย1าง
                                                                           396
                                                               กว7างขวางด7วย”


                            ข;อยกเว;นในเรื่องนี้ มีที่มาจากหลักการไม<ผลักดันบุคคลกลับไปสู<อันตราย (Non Refoulement)

               ตามที่ปรากฏในข;อบทที่ 33 ของอนุสัญญาว<าด;วยสถานภาพผู;ลี้ภัย ค.ศ. 1951 ซึ่งกำหนดว<ารัฐภาคี “จะต;องไม<ขับ
               ไล< ส<งกลับ (ผลักดันกลับออกไป) ผู;ลี้ภัยไม<ว<าจะโดยลักษณะใด ๆ ไปยังชายเขตแห<งดินแดนซึ่ง ณ ที่นั้น ชีวิตหรือ

               อิสรภาพของผู;ลี้ภัยอาจได;รับการคุกคามด;วยสาเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ สมาชิกภาพในกลุ<มใดกลุ<มหนึ่ง

                                                      397
               ไม<ว<าทางสังคมหรือทางความคิดด;านการเมือง”  อย<างไรก็ดี จะเห็นได;ว<าผู;ที่ได;รับความคุ;มครองตามอนุสัญญานี้
               คือผู;ที่ได;รับการรับรองสถานะเป_นผู;ลี้ภัยเท<านั้น กล<าวคือ ผู;ที่หลบหนีการถูกประหัตประหารจากรัฐต;นทาง บน

               พื้นฐานของเหตุต<าง ๆ ที่อนุสัญญาระบุ  นอกจากนี้ ยังสอดคล;องกับสนธิสัญญาต;นแบบว<าด;วยการส<งผู;ร;ายข;าม
                                                398
               แดนที่กำหนดให;รัฐผู;รับคำร;องขอจะต;องปฏิเสธการส<งผู;ร;ายข;ามแดนเมื่อพิจารณาแล;วเห็นว<ามีเหตุอันควรเชื่อได;ว<า

                                                                                          399
               บุคคลนั้นจะถูกทรมานหรือไม<ได;รับการประกันสิทธิขั้นต่ำในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
                            ดังนั้น เมื่อนำมาพิจารณาในบริบทการทรมานและการกระทำให;บุคคลสูญหาย ผู;ร<างฯ จึงได;ปรับ

               ข;อความให;สอดคล;องกับบริบทแห<งอนุสัญญามากขึ้น โดยกำหนดห;ามรัฐภาคีมิให;ขับไล< ส<งกลับ (ผลักดันกลับ

               ออกไป) บุคคลใด ๆ ไม<ว<าจะโดยฐานของการส<งผู;ร;ายข;ามแดนหรือโดยเหตุอื่น หากมีเหตุอันควรเชื่อได;ว<าบุคคลนั้น
               จะตกอยู<ภายใต;อันตรายที่จะถูกทรมานหรือที่ถูกกระทำให;สูญหาย  เนื่องจากหากปล<อยให;มีการดำเนินการที่ฝƒา
                                                                      400
               ฝ¯นข;อห;ามนี้จนส<งผลให;บุคคลนั้นตกอยู<ในอันตราย ก็จะเป_นการดำเนินการที่ไม<สอดคล;องกับวัตถุประสงค,และ
               ความมุ<งประสงค,ของอนุสัญญา


                            อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับกำหนดมาตรฐานการพิจารณาว<าต;องมี “เหตุอันควรเชื่อได;ว<า” ซึ่งมาจากคำ
               ภาษาอังกฤษว<า “substantial grounds for believing that” ว<าบุคคลนั้นจะตกอยู<ภายใต;อันตราย โดยการ





                     396  Supra Note 13, CED, Art. 16.
                     “1. No State Party shall expel, return ("refouler"), surrender or extradite a person to another State where there are
               substantial grounds for believing that he or she would be in danger of being subjected to enforced disappearance.
                     2. For the purpose of determining whether there are such grounds, the competent authorities shall take into account all
               relevant considerations, including, where applicable, the existence in the State concerned of a consistent pattern of gross, flagrant
               or mass violations of human rights or of serious violations of international humanitarian law.”
                     397  United Nations General Assembly, Convention Relating to the Status of Refugees, UNTS Vol. 189 (1951), p. 137, Art.
               33.
                     398  Supra Note 141, CAT Handbook, p. 125.
                     399  Supra Note 377, Model Treaty, Art. 3(f).
                     400  Supra Note 141, CAT Handbook, p. 126.



                                                             111
   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115   116