Page 110 - kpiebook64014
P. 110

รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ2 “บทบัญญัติทางกฎหมายเพื่อการป@องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำใหFบุคคลสูญหาย”  สถาบันพระปกเกลFา


                                              391
               ความคุ;มกันจากการดำเนินคดีอาญา  และประการที่สอง เหตุที่รัฐอาจเลือกกำหนดให;มีเพื่อปฏิเสธการส<งผู;ร;าย
               ข;ามแดน (Optional Grounds for Refusal) เช<น กรณีที่บุคคลที่ถูกร;องขอให;ส<งตัวนั้นเป_นคนชาติของรัฐผู;รับคำ
                                                                                  393
               ร;องขอ  กรณีอัตราโทษของความผิดอาญาในรัฐผู;ร;องขอมีโทษถึงประหารชีวิต  หรือกรณีที่รัฐผู;รับคำร;องขอ
                     392
               พิจารณาแล;วเห็นว<าไม<ควรส<งตัวบุคคลดังกล<าวเป_นผู;ร;ายข;ามแดนด;วยเหตุผลทางมนุษยธรรมโดยคำนึงถึงอายุ

                                                    394
               สุขภาพ และพฤติการณ,ส<วนตัวของบุคคลนั้น
                     ในบริบทการทรมานและการกระทำให;บุคคลสูญหาย อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับจึงได;กำหนดเหตุที่เป_นข;อยกเว;น

               เพื่อปฏิเสธการส<งผู;ร;ายข;ามแดนไว; 2 ประการ คือ 1) มีเหตุอันควรเชื่อได;ว<าบุคคลจะตกอยู<ภายใต;อันตราย และ 2)
               มีเหตุอันควรเชื่อได;ว<าบุคคลจะถูกดำเนินคดีหรือลงโทษเพราะเหตุเฉพาะตน ทั้งนี้ ไม<กระทบต<อเหตุอื่นที่รัฐภาคี

               อาจระบุเพิ่มเติมโดยคำนึงถึงมาตรฐานระหว<างประเทศที่เกี่ยวข;อง ดังนี้

                            5.1.3.1  มีเหตุอันควรเชื่อได.วcาบุคคลจะตกอยูcภายใต.อันตราย


                            อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับกำหนดในทิศทางเดียวกันว<ารัฐภาคีจะต;องไม<ส<งตัวบุคคลเป_นผู;ร;ายข;ามแดน
               หากมีเหตุอันควรเชื่อได;ว<าบุคคลจะตกอยู<ภายใต;อันตราย ดังนี้


                                     CAT                                            CED
                 ข7อ 3                                         ข7อ 16
                     “1. รัฐภาคีต7องไม1ขับไล1 ส1งกลับ (ผลักดันกลับออกไป)   “1. รัฐภาคีต7องไม1ขับไล1 ส1งกลับ (ผลักดันกลับออกไป)

                 หรือส1งบุคคลเป”นผู7ร7ายข7ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง เมื่อมีเหตุอัน หรือส1งบุคคลเป”นผู7ร7ายข7ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง เมื่อมีเหตุอัน
                 ควรเชื่อได7ว1าบุคคลนั้นจะตกอยู1ภายใต7อันตรายที่จะถูกทรมาน  ควรเชื่อได7ว1าบุคคลนั้นจะตกอยู1ภายใต7อันตรายที่จะถูกบังคับ
                     2. เพื่อความมุ1งประสงคŽที่จะวินิจฉัยว1ามีเหตุอันควรเชื่อ ให7หายสาบสูญ

                 เช1นว1าหรือไม1 เจ7าพนักงานผู7มีอำนาจต7องคำนึงถึงข7อพิจารณา  2. เพื่อความมุ1งประสงคŽที่จะวินิจฉัยว1ามีเหตุอันควรเชื่อ
                 ทั้งปวงที่เกี่ยวข7อง รวมทั้งการที่มีรูปแบบที่ต1อเนื่องของการ เช1นว1าหรือไม1 เจ7าพนักงานผู7มีอำนาจต7องคำนึงถึงข7อพิจารณา
                 ละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐนั้นอย1างร7ายแรง โดยซึ่งหน7า หรือ ทั้งปวงที่เกี่ยวข7อง รวมทั้งการที่มีรูปแบบที่ต1อเนื่องของการ
                                     395
                 อย1างกว7างขวางด7วย หากมี”                     ละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว1าง


                     391  Ibid, Model Treaty, Art.3(e).
                     392  Ibid, Model Treaty, Art.4(a).
                     393  Ibid, Model Treaty, Art.4(d).
                     394  Ibid, Model Treaty, Art.4(h).
                     395  Supra Note 12, CAT, Art. 3.
                     “1. No State Party shall expel, return ("refouler") or extradite a person to another State where there are substantial grounds
               for believing that he would be in danger of being subjected to torture.
                     2. For the purpose of determining whether there are such grounds, the competent authorities shall take into account all
               relevant considerations including, where applicable, the existence in the State concerned of a consistent pattern of gross, flagrant
               or mass violations of human rights.”



                                                             110
   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115