Page 50 - kpiebook63014
P. 50
49
การสร้างระบบประชาธิปไตยที่ตั้งมั่นให้เกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยการสร้างกลไกในเชิงสถาบันที่จะ
สนับสนุนชุดคุณค่าประชาธิปไตย การมีสิทธิเสรีภาพที่ให้กับพลเมืองทั้งในทางการเมือง และในพื้นที่
สาธารณะในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น รวมทั้งการสร้างพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันทางการเมือง
ที่ตอบสนองความต้องการในชีวิตสาธารณะของพลเมืองได้มากที่สุด เพราะการได้รับการเลือกตั้งเข้ามา
ทำาหน้าที่บริหารประเทศไม่ใช่หลักประกันเดียวที่จะบอกได้ว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ยังต้องหมายรวมถึง
ภายหลังจากการเลือกตั้งแล้ว พรรคการเมืองจะสามารถเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงพลังประชาชนภายนอก
ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร ซึ่งผลของการทำาหน้าที่เชื่อมร้อยจะทำาให้พรรคการเมืองสามารถรักษา
ฐานเสียงตนและผ่านการเลือกตั้งในหลายๆ รอบในอนาคตได้
ระบบอุปถัมภ์
ระบบอุปถัมภ์ (Patron-Client Relations) เป็นรูปแบบหนึ่งของการศึกษาความสัมพันธ์ทาง
สังคมหรือองค์กรทางสังคมที่แตกต่างจากทั้งระบบความสัมพันธ์แบบเครือญาติและระบบความสัมพันธ์
แบบองค์การระบบราชการ แนวทางการศึกษาระบบอุปถัมภ์ได้รับความสำาคัญในฐานะที่อธิบายให้เห็น
ลักษณะความสัมพันธ์ที่มีหลากหลายระดับที่มีทั้งความเป็นกึ่งสถาบัน ความสัมพันธ์ที่มีลักษณะหลวมๆ
มีลักษณะร่วมกันคือการจัดตั้งโดยเครือข่ายที่มีความซับซ้อนที่เชื่อมโยงกันโดยอาศัยคนกลาง (brokers)
มีกลไกทางการเมืองในแบบหลวมๆ ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนทรัพยากรระหว่างผู้อุปถัมภ์กับผู้รับอุปถัมภ์
ระบบอุปถัมภ์เป็นประเด็นที่สัมพันธ์กับการพัฒนาและกระบวนการสร้างความเป็นประชาธิปไตย
ที่ตั้งมั่น รวมทั้งรูปแบบของความสัมพันธ์ระหว่างผู้อุปถัมภ์และผู้รับอุปถัมภ์สามารถเปลี่ยนแปลงไปตาม
ความเติบโตทางเศรษฐกิจและบริบททางการเมืองในสังคมการเมืองแต่ละแห่งที่มีวัฒนธรรมและระบอบ
การเมืองที่แตกต่างกันไปในแต่ละแห่ง
สังคมไทยมีการนำาแนวคิดระบบอุปถัมภ์มาวิเคราะห์ลักษณะความสัมพันธ์ทางสังคมโดยเริ่มต้น
จากงานศึกษาของ ลูเซียน เอ็ม แฮงส์ (Lucian M. Hanks) ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ ร่วมด้วยนักวิชาการ
โดยเฉพาะจากสำานักคอร์แนลล์ เช่น เดวิด วิลสัน(David Wilson) และนักวิชาการท่านอื่นๆ โดยได้ชี้ให้
เห็นความจริงข้อหนึ่งว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่มีการกำาหนดสถานภาพของบุคคลลดหลั่นจากบนมาสู่ล่าง
นั่นคือ สังคมไทยเป็นสังคมที่มีโครงสร้างที่เน้นความแตกต่างระหว่างฐานะตำาแหน่ง ซึ่งได้แก่ ความสัมพันธ์
ระหว่างผู้อุปถัมภ์ที่มีฐานะตำาแหน่งสูงกว่าและผู้รับอุปถัมภ์ที่มีฐานะตำ่ากว่า แฮงค์มองว่า โครงสร้างสังคมไทย
ประกอบด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกัน หรือเป็นความสัมพันธ์ในแนวดิ่งโดยตลอดทั้งสังคม
ในทางรัฐศาสตร์ ชัยอนันต์ สมุทวณิช (อ้างใน ดรุณี เจริญพันธ์, 2544) เห็นว่า ความสัมพันธ์
ในระบบอุปถัมภ์เกิดขึ้นเพราะในสังคมมีความแตกต่างกันอย่างมากมาย ทั้งทางด้านสถานภาพทางสังคม
ความมั่งคั่ง และอำานาจ เน้นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล 2 คน ซึ่งบุคคล