Page 49 - kpiebook63014
P. 49
48 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562
จังหวัดสุรินทร์
ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างจำากัดเข้าสู่ระบบคอมมิวนิสต์เพื่อเอาชนะปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจชะงักงัน และความล้าหลังในเทคโนโลยีในสังคมโซเวียด แต่การปฏิรูปดูเหมือน
จะยิ่งทำาให้สถานการณ์ปัญหาภายในประเทศเลวร้ายลง นำาไปสู่การแบ่งขั้วทางการเมืองของบรรดาผู้นำา
ในระดับพรรค จนนำาไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียด และการประกาศเอกราชของประเทศที่แยกตัว
ออกจากโซเวียด 15 ประเทศในทศวรรษที่ 1990
รัสเซียในฐานะประเทศใหม่ที่เกิดจากการล่มสลายของโซเวียด เผชิญหน้ากับการเปลี่ยนผ่านที่
ไม่คุ้นเคยสองประการคือ ประชาธิปไตยนำาเข้า และการก่อตัวของระบบทุนนิยม ซึ่งเป็นวัฒนธรรมหรือ
ประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่รัสเซียมีน้อยมากที่เกิดขึ้นหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียด
รัสเซียภายใต้ประธานาธิบดี Yeltsin ได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์รัสเซียใหม่ด้วยการที่เขาเป็น
ประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้งมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ แต่ภายใต้การเป็นอิสระ
ใหม่ของรัสเซียภายใต้การนำาของ Yeltsin สถาบันทางการเมืองในระบอบเก่าปรับตัวเข้าสู่สภา จึงนำาไป
สู่การเผชิญหน้ากันระหว่างประธานาธิบดี Yeltsin กับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เก่าที่ปรับตัวเข้าไปเป็น
สมาชิกสภา แต่Yeltsin สามารถควบคุมสื่อและการที่กองทัพในเวลานั้นก็อยู่ข้างเขา ทำาให้ความคิดที่จะ
รัฐประหารของบรรดาสมาชิกรัฐสภาเป็นอันจบสิ้น และเป็นการจบสิ้นบรรดาระเบียบเก่าเมื่อ Yeltsin
ร่างรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้ในปี 1993 ที่เน้นให้อำานาจฝ่ายบริหารเป็นสำาคัญ ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 1993
ให้อำานาจประธานาธิบดีในการควบคุมเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ แม้ว่ารัฐสภา
จะไม่เห็นด้วยก็ตาม รวมทั้งมีอำานาจในการสั่งยุบสภาล่าง (Duma) เมื่อสภาล่างปฏิเสธชื่อนายกรัฐมนตรี
ที่ประธานาธิบดีเสนอมา 3 ครั้ง จึงเห็นได้ว่าภายใต้ระบบกึ่งประธานาธิบดีของรัสเซีย รัฐสภาแทบจะ
ไม่สามารถคานอำานาจหรือควบคุมการบริหารของประธานาธิบดีได้ ขณะที่ศาลก็อ่อนแอ เพราะอำานาจ
ในระดับภูมิภาคมักเพิกเฉยต่อกฎหมายของศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งอำานาจของประธานาธิบดีที่มีมาก
จึงหลบเลี่ยงการถูกฟ้องร้องจากศาลได้
ระบบพรรคการเมืองในรัสเซียก็เป็นไปในทิศทางที่ฮั้ว/ประสาน/ควบรวมกับพรรคที่ประธานาธิบดี
สนับสนุน มีเพียงพรรค Communists Party of Russian Federation (CPRF) ที่เป็นพรรคที่ไม่ได้ร่วมกับ
ประธานาธิบดี แต่สถานการณ์ที่นั่งในสภาก็ยำ่าแย่ลง รวมทั้งในสมัยประธานาธิบดี Putin ก็เปลี่ยนระบบ
การเลือกตั้งเป็นระบบสัดส่วนแทนระบบเขตเดียวเบอร์เดียวเพื่อกีดกันบรรดาผู้สมัครอิสระที่ประธานาธิบดี
ไม่สนับสนุน ไม่ให้เข้ามามีที่นั่งในรัฐสภาได้
แม้ว่าในส่วนของภาคประชาสังคม จะมีจำานวนองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำางานในประเด็นต่างๆ ทั้ง
สิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน ชาติพันธุ์ ที่มีมากถึง 300,000 กว่าองค์กรนับตั้งแต่ปี 1989 แต่องค์กรเหล่านี้
ก็ประสบปัญหาหลายด้าน ทั้งในด้านการเงิน กลุ่มต่างๆ จึงหันไปหาองค์กรสนับสนุนจากต่างประเทศ
ซึ่งทำาให้การเชื่อมต่อระหว่างองค์กรท้องถิ่นกับประชาชนอ่อนแอลง และยิ่งเป็นอันตรายเมื่อถูกมอง
จากรัฐว่า เป็นเครื่องมือของต่างชาติ