Page 52 - kpiebook63014
P. 52
51
4.6) สายใยแห่งความสัมพันธ์ระหว่างผู้อุปถัมภ์กับลูกน้องแต่ละคน ขึ้นอยู่กับการตอบแทน
ซึ่งกันและกัน โดยแต่ละฝ่ายต้องพยายามทำาให้อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า เขายังมีค่าแก่
การที่เป็นผู้อุปถัมภ์หรือลูกน้อง
4.7) ความสัมพันธ์แบบนี้ มีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูง และไม่มั่นคง
4.8) ความสัมพันธ์แบบนี้ มักประกอบไปด้วย การมีลูกน้องมากมายหลายชั้น ตั้งแต่ชั้นที่
ใกล้ชิดผู้อุปถัมภ์มากที่สุดไปจนถึงผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกันเพียงเล็กน้อย ลูกน้องที่ใกล้ชิด
เจ้านายมากก็มักจะมีลูกน้องของตนเองด้วย ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้อุปถัมภ์ย่อยๆ เช่นกัน
ประเภทของระบบอุปถัมภ์
อาจแยกความแตกต่างระหว่างความสัมพันธ์ที่เป็นไปตามคำานิยามของสังคมในการที่ผู้รับอุปถัมภ์
จะยอมรับฐานะที่ด้อยกว่าของตนภายใต้ระบบบิดาอุปถัมภ์(patrimonial) และความสัมพันธ์อีกแบบหนึ่งที่
มีลักษณะของการใช้อำานาจกดขี่โดยผู้ที่มีอำานาจอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการเมืองที่
ทำาให้การยอมรับสิทธิของการใช้อำานาจอย่างชอบธรรมตามประเพณีลดลง (แอนโทนี่ ฮอลล์, 2543,30-33)
1) ระบบบิด�อุปถัมภ์ ผู้อุปถัมภ์จะทำาหน้าที่คล้ายๆ ครอบครัวขยาย ที่หัวหน้าครอบครัว
จะเป็นผู้รับผิดชอบในสวัสดิการของผู้ที่อยู่ใต้อำานาจตน ซึ่งรวมทั้งครอบครัวของข้าทาสและแรงงานอิสระ
ในสถานการณ์นี้ รัฐบาลกลางไม่เข้มแข็งและชุมชนอยู่ค่อนข้างจะโดดเดี่ยว ความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ใน
ลักษณะนี้จึงเป็นทางเลือกของชาวไร่ชาวนาที่ต้องการการคุ้มครองจากผู้อุปถัมภ์ที่มีอำานาจ ซึ่งในทำานอง
เดียวกัน ผู้ที่สามารถปกป้องคุ้มครองชาวไร่ชาวนาย่อมจะได้รับการยอมรับและสนับสนุนทางการเมือง
จากผู้รับอุปถัมภ์นั่นเอง ในสังคมปัจจุบัน ประชากรอาจยังต้องพึ่งพาผู้อุปถัมภ์โดยมีค่านิยมบางอย่างเป็น
ตัวสนับสนุน โอกาสที่ผู้มีอำานาจจะกดขี่เบียดบังย่อมเป็นไปได้ ตราบเท่าที่ระบบอุปถัมภ์ยังคงช่วยให้
ชาวไร่ชาวนาดำารงชีวิตอยู่ได้ ชาวไร่ชาวนาจะหันเข้าหาผู้อุปถัมภ์ (แอนโทนี่ ฮอลล์, 2543,31)
2) ระบบก�รใช้อำ�น�จกดขี่ เป็นลักษณะที่ผู้อุปถัมภ์ หรือเจ้าของที่นาได้หันมาใช้วิธีการกดขี่
ควบคุมผู้รับอุปถัมภ์มากขึ้น การข่มขู่ และความรุนแรง และแม้กระทั่งการฆาตกรรม เป็นเรื่องปกติธรรมดา
การยอมรับในสิทธิและการเชื่อฟังเจ้าของที่นาในช่วงบิดาอุปถัมภ์ได้รับการท้าทายในรูปของการต่อต้าน
ไม่พอใจ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม นอกจากนี้ การผูกขาดที่ดินของชนชั้น
นายทุนใหม่ และการที่ชาวไร่ชาวนาได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการตลาดสมัยใหม่มีผลในทางทำาลาย
ความชอบธรรมของผู้อุปถัมภ์แบบประเพณีที่เคยมีและได้สร้างความรู้สึกในหมู่ชาวไร่ชาวนาว่าถูกกดขี่
อันนำาไปสู่การลุกฮือก่อความไม่สงบขึ้น (แอนโทนี่ ฮอลล์, 2543,31-32)