Page 54 - kpiebook63014
P. 54
53
งานศึกษาของสมบัติ จันทรวงศ์ (2535, 119-120) อธิบายคำาว่า “เจ้าพ่อ” ด้วยคำา 2 คำา คือ
คำาว่า “นักเลง” และคำาว่า “ผู้มีอิทธิพล” ซึ่งคำาว่านักเลงเป็นคำาที่มีคู่อยู่กับสังคมไทยมาช้านานแล้ว
ในความหมายที่ดีความเป็นนักเลง จะหมายถึงลักษณะประจำาตัว หรือคุณสมบัติความเป็นลูกผู้ชายของ
บุคคลดังกล่าวที่ทำาให้ผู้อื่นให้ความเคารพยำาเกรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบุคคลเช่นว่ามีบทบาทเป็น
ผู้ดูแลสมัครพรรคพวกเพื่อนฝูง คุณสมบัติของความเป็นลูกผู้ชาย หรือความเป็นนักเลงนี้รวมถึง
ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เสียสละ กล้าได้กล้าเสีย หรืออย่างที่เรียกกันว่าเป็นคนใจถึง สำาหรับคำาว่า
“อิทธิพล” ในที่นี้หมายถึง “อำานาจ” ที่บุคคลซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมีหรือใช้ได้นอกเหนือขอบเขตอำานาจหน้าที่
ตามกฎหมายของตนหรือเป็น “อำานาจ” ที่บุคคลซึ่งมิได้มีตำาแหน่งหน้าที่ทางราชการมีหรือสามารถใช้ได้
กล่าวคือ “อิทธิพล” คือ “อำานาจ” ที่ไม่เป็นทางการ เพราะฉะนั้นการกล่าวว่า “นักเลง” เป็นผู้มี “อิทธิพล”
ในท้องถิ่น จึงหมายถึงบุคคลบางคนที่มีอุปนิสัยประจำาตัวบางอย่างที่ทำาให้บุคคลดังกล่าวสามารถมีอำานาจ
ที่ไม่เป็นทางการเหนือผู้อื่นในชุมชนนั้นๆ โดยสืบเนื่องมาจากเหตุผลทางวัฒนธรรมมากกว่าเหตุผลทาง
เศรษฐกิจ กล่าวคือบทบาทในทางเศรษฐกิจของนักเลงผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น อาจจะไม่แตกต่างอะไรกัน
มากนักจากสมาชิกคนอื่นๆ ของชุมชน แต่เงื่อนไขสำาคัญที่จำากัดขอบข่ายของนักเลงคือ การที่นักเลงยังมี
อิทธิพลจำากัดอยู่เฉพาะภายในกลุ่มสมัครพรรคพวกของตนเอง หาได้มีอิทธิพลเหนือผู้ถือกฎหมายไม่
แต่เมื่อใดก็ตามที่อิทธิพลของนักเลงในระดับท้องถิ่นแผ่ขยายไปครอบงำาเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้รักษากฎหมาย
หรือกลไกแห่งอำานาจรัฐในระดับสูงของท้องถิ่นด้วยแล้ว เมื่อนั้นอาจกล่าวได้ว่าบุคคลดังกล่าวได้เลื่อน
ฐานะจากนักเลงผู้มีอิทธิพลของท้องถิ่นกลายเป็น “เจ้าพ่อ” ของท้องถิ่นนั้นๆ ไปเสียแล้ว
ในยุคปัจจุบัน กรอบแนวคิดเรื่องอุปถัมภ์อาจมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงโดยตรงกับความสัมพันธ์
ในเชิง “เจ้าพ่อ” โดยเฉพาะในหลายๆ พื้นที่ของประเทศไทยที่ “เจ้าพ่อ” มักจะกลายเป็นนักการเมืองถิ่นด้วย
อาทิ จังหวัดในภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัด เป็นต้น ดังที่สมบัติ จันทรวงศ์
(2535,121-122) กล่าวว่า “บรรดาเจ้าพ่อทั้งหลาย สามารถมีอิทธิพลเหนือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือกลไกแห่ง
อำานาจรัฐมีอยู่หลายวิธีด้วยกันในจำานวนวิธีนี้วิธีการที่ใช้ได้ผลหรืออย่างน้อยที่สุดก็ดูเป็นวิธีการที่ดูเหมือนว่า
จะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็โดยการอาศัยอำานาจเงินเกื้อหนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับสูงสุด
เท่าที่จะทำาได้ โดยวิธีการนี้จะช่วยให้เจ้าพ่อมีอิทธิพลเหนือเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับล่างได้อย่างไม่ยากนัก
แต่เจ้าพ่อปรารถนาที่จะมีอิทธิพลเหนือเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับสูงด้วย เพราะยังมีข้อแตกต่างประการ
สำาคัญอีกประการหนึ่งระหว่างบุคคลผู้มีอิทธิพลระดับเจ้าพ่อและนักเลงผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นนั้นก็คือ
เจ้าพ่อมีบทบาทและฐานะทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่าและแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดจากชาวบ้าน
ธรรมดาและธุรกิจประเภทดังกล่าวจำาเป็นต้องได้รับการคำ้าจุนจากอำานาจรัฐเพื่อคุ้มครองตนเองหรือเพื่อ
การขยายฐานออกไป รวมทั้งความแตกต่างระหว่างบุคคลระดับเจ้าพ่อกับนักเลงผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น
ธรรมดาๆ ทำาให้อิทธิพลที่นักเลงและเจ้าพ่อมีเหนือชาวบ้านมีลักษณะแตกต่างออกไปด้วย กล่าวคือ
ในขณะที่นักเลงผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น อาจแสดงบทบาทการเป็นผู้นำาด้วยการอุปถัมภ์ประชาชนด้วยเรื่อง
ต่างๆ ตามเหตุผลทางวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่นเท่านั้น แต่ผู้มีอิทธิพลระดับเจ้าพ่อจะแสดงบทบาทของ
ผู้อุปถัมภ์ประชาชนของตนในลักษณะที่กว้างขวางกว่ามาก