Page 87 - kpiebook63013
P. 87
87
พฤติกรรมของตัวกระท�าทางการเมืองในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 5
จากการสัมภาษณ์ ผู้ให้สัมภาษณ์เกือบทุกคน (90 เปอร์เซ็นต์) ให้ข้อมูลสอดคล้องกันว่าสถานการณ์
และบรรยากาศในช่วงก่อนการเลือกตั้งนั้นค่อนข้างเป็นบรรยากาศที่มีเสรีภาพและเอื้อต่อการแข่งขันอย่าง
เป็นในพื้นที่ (กลุ่มคนที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ) ไม่มีการเคลื่อนไหวกดดันหรือใช้อิทธิพลใด ๆ เพื่อให้เกิด
ความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง มีผู้ให้สัมภาษณ์เพียงท่านเดียวเท่านั้นที่ระบุว่ามีกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม
ในพื้นที่ออกมาช่วยผู้สมัครบางคนหาเสียง นอกจากนี้ ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนยังระบุตรงกันว่าโดยส่วนตัวแล้ว
ไม่พบว่ามีผู้สมัครหรือหัวคะแนนใช้เงินในการจูงใจเพื่อให้ไปเลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง ประกอบกับผู้ให้สัมภาษณ์
ส่วนใหญ่ (70 เปอร์เซ็นต์) ยังให้ข้อมูลอีกว่าไม่พบการใช้อิทธิพลหรือผลประโยชน์หรือการกระทำาใด (ที่ไม่ใช่
ตัวเงิน) เพื่อจูงใจให้เลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง (ทั้งนี้ มีผู้ให้สัมภาษณ์สามท่านให้ข้อมูลว่ามีผู้สมัครบางคน
เข้าร่วมในงานบุญและบางคนช่วยซื้อเครื่องดื่มให้กับงานเลี้ยงสังสรรค์) ในส่วนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐทั้งที่
เป็นข้าราชการในพื้นที่และข้าราชการสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับ
การจัดการเลือกตั้งโดยตรงนั้น ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันว่าเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านั้นวางตัว
และทำาหน้าที่ได้อย่างเป็นกลาง มีการสนับสนุนรณรงค์ให้ประชาชนออกไปเลือกตั้งและปฏิบัติตนไปตามหน้าที่
ของแต่ละหน่วยงาน
สำาหรับรูปแบบการหาเสียงของผู้สมัครแต่ละพรรค ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนให้ข้อมูลตรงกันว่า
การเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้สมัครลงพื้นที่เข้าหาประชาชนโดยตรงมากกว่าครั้งก่อน ๆ ทั้งผู้สมัครเดิมและผู้สมัคร
หน้าใหม่ โดยในการลงพื้นที่นั้นบางพรรคการเมืองจะมีทั้งตัวผู้สมัครและแกนนำาคนสำาคัญของพรรคพบปะพูดคุย
กับประชาชนด้วย นอกจากการพบกับประชาชนโดยตรงแล้ว ผู้สมัครของแต่ละพรรคก็ได้ใช้รูปแบบวิธีหาเสียง
ไม่แตกต่างกัน กล่าวคือ ใช้รถแห่ ใบปลิว แผ่นป้าย การปราศรัย แต่วิธีการที่เพิ่มเข้ามาและแตกต่างจาก
การหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งก่อน ๆ (ซึ่งผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนได้พบเห็นวิธีการหาเสียงดังกล่าวนี้) คือ การใช้สื่อ
ที่เรียกว่า Social Media ทั้ง Facebook การถ่ายทอดสด (live) โดยใช้แอพลิเคชั่น และ Line
ในประเด็นเรื่องการตัดสินใจลงคะแนน ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนให้ความเห็นว่าการใช้เงินจูงใจเพื่อให้
เลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่งนั้นไม่มีผลต่อการตัดสินใจ แต่จะพิจารณาจากพรรคการเมืองที่ผู้สมัครสังกัดมากกว่า
ส่วนการจูงใจโดยวิธีอื่นที่ไม่ใช้เงิน เช่น การจัดเลี้ยง ร่วมงานบุญ การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ผู้ให้สัมภาษณ์
ส่วนใหญ่ (90 เปอร์เซ็นต์) ให้ความเห็นตรงกันว่าไม่มีผลต่อการตัดสินใจ เพราะมีพรรคในใจที่จะเลือกแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามความเห็นว่าหากมีผู้สมัครคนใดได้ทำาการอุปถัมภ์ช่วยเหลือตนเองหรือพี่น้องหรือ
คนในพื้นที่ของตนมาโดยตลอด เขาจะตอบแทนโดยการเลือกผู้สมัครท่านนั้นหรือไม่ ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่
(80 เปอร์เซ็นต์) ตอบว่าจะเลือก โดยให้เหตุผลว่า “เลือกเพราะเคยช่วยเหลือ” “เลือก หากมีการช่วยเหลือเรา
จริง เพื่อให้กลับมาช่วยเหลือเราได้อีก” และ “เลือก แต่ถ้าอยู่ในพรรคที่ไม่ชอบก็ไม่เลือก”