Page 79 - kpiebook63013
P. 79
79
วางตัวและทำาหน้าที่ได้อย่างเป็นกลาง มีการสนับสนุนรณรงค์ให้ประชาชนออกไปเลือกตั้งและปฏิบัติตน
ไปตามหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน
สำาหรับรูปแบบการหาเสียงของผู้สมัครแต่ละพรรค ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนให้ข้อมูลตรงกันว่า
การเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้สมัครลงพื้นที่เข้าหาประชาชนโดยตรงมากกว่าครั้งก่อน ๆ ทั้งผู้สมัครเดิมและผู้สมัคร
หน้าใหม่ โดยในการลงพื้นที่นั้นบางพรรคการเมืองจะมีทั้งตัวผู้สมัครและแกนนำาคนสำาคัญของพรรคพบปะ
พูดคุยกับประชาชนด้วย นอกจากการพบกับประชาชนโดยตรงแล้ว ผู้สมัครของแต่ละพรรคก็ได้ใช้รูปแบบ
วิธีหาเสียงไม่แตกต่างกัน กล่าวคือ ใช้รถแห่ ใบปลิว แผ่นป้าย การปราศรัย แต่วิธีการที่เพิ่มเข้ามาและแตกต่าง
จากการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งก่อน ๆ (ซึ่งผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ (80 เปอร์เซ็นต์) ได้พบเห็นวิธีการหาเสียง
ดังกล่าวนี้) คือ การใช้สื่อที่เรียกว่า Social Media ทั้ง Line, Facebook, การถ่ายทอดสด (live) โดยใช้
แอพลิเคชั่น
ในประเด็นการตัดสินใจลงคะแนน ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนให้ความเห็นว่าการใช้เงินจูงใจเพื่อให้เลือก
ผู้สมัครคนใดคนหนึ่งไม่มีผลต่อการตัดสินใจ แต่จะพิจารณาจากพรรคการเมืองที่ผู้สมัครสังกัด พฤติกรรม
การทำางานของผู้สมัคร และนโยบายของแต่ละพรรคมากกว่า ส่วนการจูงใจโดยวิธีอื่นที่ไม่ใช้เงิน ผู้ให้สัมภาษณ์
ทุกคนให้ความเห็นตรงกันว่าไม่มีผลต่อการตัดสินใจ ขณะที่ผู้ให้สัมภาษณ์จำานวนครึ่งหนึ่ง (50 เปอร์เซ็นต์)
แสดงความเห็นว่าหากมีผู้สมัครคนใดได้ทำาการอุปถัมภ์ช่วยเหลือตนเองหรือพี่น้องหรือคนในพื้นที่ของตน
มาโดยตลอด เขาจะตอบแทนโดยการเลือกผู้สมัครท่านนั้น โดยให้เหตุผลว่า “เลือกเพราะมีบุญคุณ” และ
“เลือก ตอบแทนเขาสักครั้งเพราะเขาช่วยเรามาตลอด”
เขตเลือกตั้งที่ 3 อ�ำเภอบ้ำนนำสำร, อ�ำเภอเวียงสระ และ
อ�ำเภอกำญจนดิษฐ์ (เฉพำะต�ำบลทุ่งรัง ต�ำบลช้ำงซ้ำย ต�ำบลช้ำงขวำ
ต�ำบลป่ำร่อน และต�ำบลคลองสระ)
ความตั้งมั่นของพรรคการเมือง
จากการสัมภาษณ์ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 3 สุราษฎร์ธานี ต่อคำาถามที่ว่า “สำาหรับท่าน
อะไรสำาคัญกว่า ระหว่างพรรคการเมืองกับตัวผู้สมัคร เพราะอะไร” พบว่า ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ (70 เปอร์เซ็นต์)
ให้ความสำาคัญกับพรรคการเมืองมากกว่าตัวบุคคลอย่างเห็นได้ชัด โดยให้เหตุผลว่า “ดูที่นโยบายเป็นหลักและ
พรรคจะเข้าไปบริหารประเทศ” “พรรคการเมืองดำารงตำาแหน่งรัฐบาล เป็นผู้ดำาเนินนโยบาย” “นโยบายของพรรค
ใช้ทั้งประเทศ” เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าการให้การยอมรับและให้ความสำาคัญกับพรรคการเมืองมากกว่าตัวบุคคล
ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนั้นแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมือง
ในระดับหนึ่ง และเมื่อพิจารณาจากคำาตอบก็สะท้อนให้เห็นว่า ในการรับรู้ของประชาชนนั้น พรรคการเมือง
มีบทบาทสำาคัญทั้งในแง่ของการดำาเนินกิจกรรมทางการเมือง พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่ทำาหน้าที่ผลิตนโยบาย
ต่าง ๆ และพรรคการเมืองสามารถทำาหน้าที่ในการบริหารงานภาครัฐได้จริง