Page 36 - kpiebook63013
P. 36
36 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสุราษฎร์ธานี
Linz and Stepan ได้ให้คำานิยามเชิงปฏิบัติการของประชาธิปไตยที่ตั้งมั่นว่า สามารถมองในสองแง่
หนึ่ง ในแง่พฤติกรรม ระบอบประชาธิปไตยในประเทศหนึ่งจะถูกทำาให้ตั้งมั่นไม่ได้หากตัวแสดงหลักทาง
การเมืองต่าง ๆ ทั้งตัวแสดงระดับชาติ ตัวแสดงทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้ได้
มาซึ่งเป้าหมายของพวกเขาโดยสร้างระบอบที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยขึ้นมาหรือพยายามแยกห่างออกจากรัฐ
สอง ในแง่ทัศนคติ ระบอบประชาธิปไตยจะตั้งมั่นได้นั้นมติของมหาชนส่วนใหญ่ต้องยืนหยัด (แม้ในช่วงที่เกิด
ปัญหาทางเศรษฐกิจหรือเกิดความไม่พึงพอใจต่อรัฐบาลที่อยู่ในอำานาจอย่างมากก็ตาม) มหาชนยังคงยึดใน
ความเชื่อที่ว่ากระบวนการทางประชาธิปไตยและสถาบันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเป็นหาทางที่
เหมาะสมที่สุดในการปกครองสังคมส่วนรวม หรือ มีการสนับสนุนระบอบอื่นที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยมีเป็นส่วนน้อย
หรือ การออกห่างจากพวกที่นิยมประชาธิปไตยมีน้อย หรือ ในเชิงรัฐธรรมนูญ ระบอบประชาธิปไตยจะตั้งมั่น
เอาพลังทั้งฝ่ายรัฐบาลและมิใช่รัฐอยู่ในการหาทางออกจากความขัดแย้งภายในขอบเขตของกฎหมาย กระบวนการ
สถาบันที่เกี่ยวข้อง ในวิถีของกระบวนการแห่งประชาธิปไตย (Linz, Juan J. and Stepan, Alfred, 1996,
p.14-15)
Linz and Stepan วิเคราะห์ว่าเงื่อนไขที่ส่งเสริมให้เกิดความตั้งมั่นแห่งประชาธิปไตยนั้นมีอยู่ 5 เงื่อนไข
โดยแต่ละเงื่อนไขเกี่ยวพันและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ดังนี้
1. ประชาสังคมที่มีเสรีและมีชีวิตชีวา (free and lively civil society) หมายความว่า ในสังคมนั้น ๆ
ต้องมีพื้นที่ (areas) ที่สามารถปกครองตัวเอง มีกลุ่มต่าง ๆ ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างเสรี และสามารถ
สร้างคุณค่าให้ตัวเอง เกิดการสานสัมพันธ์กันจนมีความเป็นปึกแผ่น สนองผลประโยชน์ของพวกเขาเอง รวมไปถึง
มีการเคลื่อนไหวทางสังคมปรากฎโดยทั่วไป เช่น การรวมกลุ่มและเคลื่อนไหวของสตรี องค์กรทางวิชาการ ประชาคม
หมู่บ้าน หรือ เป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มตัวแทนช่วงชั้นทางสังคม (social strata) เช่น สหภาพแรงงาน สมาคม
ผู้ประกอบการ สมาคมวิชาชีพ เป็นต้น
2. สังคมการเมือง (political society) หมายความถึงพื้นที่ที่ตัวแสดงทางการเมืองสามารถแข่งขัน
ประชันกันเพื่อสิทธิอำานาจอันชอบธรรมในการใช้อำานาจสาธารณะและกลไกของรัฐ (public power and
state apparatus) ในความเป็นจริง เพียงแค่มีเงื่อนไขแรก (ประชาสังคมที่มีเสรีและมีชีวิตชีวา) ก็เพียงพอที่จะ
ทำาลายระบอบที่มิใช่ประชาธิปไตยได้อยู่แล้ว แต่การที่จะทำาให้ประชาธิปไตยตั้งมั่นได้นั้นต้องไปสัมพันธ์กับ
สังคมการเมือง (political society) กล่าวคือ สมาชิกในระบบการเมืองต้องเลือกหรือไว้วางใจต่อสถาบันหลัก
ต่าง ๆ ในสังคมการเมือง เช่น พรรคการเมือง สภาผู้แทนราษฎร ระบบและกติกาการเลือกตั้ง รวมถึงความเป็น
ผู้นำาทางการเมือง
3. รัฐและกลไกของรัฐอยู่ภายใต้หลักนิติธรรม (government and state apparatus subjected
to rule of law) รัฐต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งตามลัทธิเสรีนิยมแล้ว รัฐจะต้องถูกจำากัดอำานาจ ในขณะเดียวกัน
พลเมืองสามารถปกป้องตัวเองจากรัฐ ทุกองค์กรต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และมีการตรวจสอบจากศาลและ
องค์กรอิสระ การทำาเช่นนี้มิใช่เพื่อให้เกิดการใช้อำานาจรัฐอย่างระมัดระวังเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียกร้องให้เกิด