Page 41 - kpiebook63013
P. 41

41








                  (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุด

                  แล้วหรือไม่ (3) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำาสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
                  ไม่สมประกอบ


                          มาตรา 41 กล่าวถึงคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุไว้

                  ดังนี้ (1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด (2) มีอายุไม่ตำ่ากว่ายี่สิบห้าปีนับถึงวันเลือกตั้ง (3) เป็นสมาชิกพรรคการเมือง
                  ใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง

                  เว้นแต่ในกรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา ระยะเวลาเก้าสิบวันดังกล่าวให้ลดลงเหลือสามสิบวัน
                  (4) ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย


                           (ก) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า

                  ห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
                           (ข) เป็นบุคคลซึ่งเกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง

                           (ค) เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า

                  ห้าปีการศึกษา

                           (ง) เคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ หรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัด
                  ที่สมัครรับเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปี


                          มาตรา 62 การกำาหนดจำานวนเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคน และค่าใช้จ่าย

                  ของพรรคการเมืองโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องหารือกับหัวหน้าพรรคการเมือง และให้มีการทบทวน
                  การกำาหนดจำานวนเงินดังกล่าวให้สอดคล้องกับความจำาเป็นและสภาวะทางเศรษฐกิจอย่างน้อยทุกสี่ปี ส่วนใน
                  มาตรา 63 ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใช้จ่ายในการเลือกตั้งเกินจำานวนค่าใช้จ่าย โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าว

                  ให้รวมถึงบรรดาเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดที่บุคคลใด ๆ จ่ายหรือรับว่าจะจ่ายแทน หรือนำามาให้ใช้โดยไม่คิด

                  ค่าตอบแทนเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งโดยผู้สมัครหรือพรรคการเมืองนั้นยินยอมหรือไม่คัดค้าน

                          มาตรา 125 วิธีการนับคะแนนของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตให้ผู้สมัคร

                  ซึ่งได้รับคะแนนสูงสุดและมีคะแนนสูงกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เลือกผู้ใดเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง ส่วนในกรณีที่มีผู้
                  ได้รับคะแนนสูงสุดเท่ากันหลายคน ให้ใช้วิธีการจับสลาก ส่วนใน มาตรา 126 ระบุว่าเขตเลือกตั้งที่ไม่มีผู้สมัคร

                  รายใดได้รับคะแนนเสียงมากกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งนั้น
                  ให้คณะกรรมการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ และไม่ให้นำาคะแนนของผู้สมัครแต่ละคนที่ได้รับจากการเลือกตั้ง

                  ครั้งก่อนไปใช้ในการคำานวณหาจำานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ


                          มาตรา 127 ในการเลือกตั้งทั่วไป ให้คณะกรรมการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
                  แบบแบ่งเขตเลือกตั้งได้เมื่อตรวจสอบเบื้องต้นแล้วมีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและ

                  เที่ยงธรรม และมีจำานวนไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบห้าของเขตเลือกตั้งทั้งหมด โดยไม่ช้ากว่าหกสิบวันนับแต่
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46