Page 31 - kpiebook63013
P. 31
31
2.3 พรรคที่พ่ายแพ้ต้องไม่พยายามที่จะขัดขวางพรรคที่ชนะจากการเข้าไปครองอำานาจ ขณะที่
พรรคที่ชนะก็ไม่ใช้อำานาจที่เป็นทางการที่ตนมีอยู่เพื่อทำาลายความสามารถในการแข่งขัน
ของพรรคที่แพ้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
2.4 ผู้ที่ถูกกำาหนดโดยกฎหมายและเป็นผู้ซึ่งถูกปกครองย่อมถือเป็นพลเมือง และพลเมือง
แต่ละคนจะมีเสียงเพียงคนละหนึ่งเสียงในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง
3. เงื่อนไขเกี่ยวกับพรรคการเมืองและพรรครัฐบาล
3.1 พรรคการเมืองแต่ละพรรคเป็นกลุ่มคนผู้ซึ่งแสวงหาตำาแหน่งด้วยเหตุผลเพียงต้องการรายได้
อภิสิทธิ์ อำานาจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้ก็ด้วยการเข้าครอบครองกลไกอำานาจปกครองของรัฐ
3.2 พรรคที่ชนะ (หรือพรรคร่วมรัฐบาล) จะสามารถครองอำานาจรัฐได้อย่างสมบูรณ์จนกระทั่ง
ถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะต้องไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงคะแนนไม่ว่าจะมาจาก
ฝ่ายนิติบัญญัติหรือจากผู้ที่มีสิทธิออกเสียง ดังนั้น พรรครัฐบาลจึงต้องไม่ถูกขับออกก่อนจะมี
การเลือกตั้งครั้งต่อไป
3.3 อำานาจทางเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นไปอย่างไม่จำากัด เนื่องจากรัฐสามารถทำาทุกสิ่งทุกอย่าง
ให้เป็นเรื่องของชาติ/รัฐได้ สามารถอยู่เหนือผลประโยชน์ของเอกชน
3.4 สิ่งที่จำากัดอำานาจรัฐบาลได้เพียงอย่างเดียวคือพรรครัฐบาลที่กำาลังครองอำานาจอยู่นั้นก็คือ
การที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมเสรีภาพทางการเมืองของฝ่ายค้านหรือพลเมือง (ในฐานะ
ปัจเจก) เว้นเสียแต่รัฐบาลจะจัดการด้วยกำาลัง
3.5 ทุกหน่วยในตัวแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง หรือ ปัจเจกบุคคล หรือ พรรคร่วม ล้วนมี
พฤติการณ์ที่เป็นเหตุเป็นผลอยู่ตลอดเวลา นั่นคือ ทุกสิ่งเป็นไปภายใต้เป้าหมายที่จะใช้
ทรัพยากรอย่างน้อยที่สุดและจะกระทำาหรือแสดงออกก็ต่อเมื่อผลตอบแทนที่ได้มามากกว่า
สิ่งที่ต้องเสียไป ทั้งนี้ Downs ระบุว่า คำาว่าเป็นเหตุเป็นผล (rational) ที่เขาใช้นั้นหมายความ
เท่ากับคำาว่า มีประสิทธิภาพ (efficient) และยำ้าเตือนว่าความหมายที่ใช้นี้เป็นความหมาย
ในทางเศรษฐศาสตร์ ไม่ควรนำาไปปะปนกับความหมายในทางตรรกะวิทยาหรือในทาง
จิตวิทยา (Downs, Anthony, 1957, p.136)
จากเงื่อนไขทั้งหมดข้างต้น Downs จึงสร้างหลักการทั่วไป (axioms) ที่ใช้สำาหรับอธิบายพฤติกรรม
ของตัวกระทำาต่าง ๆ ในตลาดแห่งการเลือกตั้งว่า “...พรรคการเมืองย่อมประกอบด้วยคน และผู้คนที่อยู่
ในพรรคการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยได้สร้างนโยบายด้วยความตั้งใจที่จะใช้นโยบายดังกล่าวนั้นใน
การได้มาซึ่งคะแนนเสียงเท่านั้น ผู้คนเหล่านั้นไม่ได้แสวงหาอำานาจรัฐเพื่อที่จะผลักดันให้เกิดนโยบายแบบใด
แบบหนึ่ง หรือเพื่อที่จะรับใช้กลุ่มผลประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะความจริงแล้ว ที่พรรคการเมืองสร้างนโยบาย
ขึ้นมาและรับใช้กลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งอำานาจรัฐมากกว่า ดังนั้น หน้าที่ของพรรคการเมือง
ที่เราพบเห็นทั่วไป นั่นคือ การสร้างนโยบายและผลักดันนโยบายให้ได้รับการปฏิบัติเมื่อตนเองได้เป็น