Page 46 - kpiebook63011
P. 46
46 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่
2.4 กำรทบทวนวรรณกรรมและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในการศึกษาวิจัยนี้ ได้แบ่งกลุ่มงานวรรณกรรมและ
งานวิจัยออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1) งานวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ระบบเลือกตั้ง และ
พรรคการเมืองที่อธิบายถึงความสำาคัญ ความเชื่อมโยงของสถาบันทางการเมืองต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง
ทางการเมืองและสะท้อนภาพของการเมืองไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่สามารถนำามาอธิบายการเลือกตั้งในวันที่
24 มีนาคม 2562 2) งานศึกษาวิจัยและวรรณกรรมที่เกี่ยวกับการเมือง การเลือกตั้ง และพฤติกรรมการเลือกตั้ง
ของประชาชนหรือบริบททางการเมืองในจังหวัดเชียงใหม่
1) งานวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ระบบเลือกตั้ง และพรรคการเมือง
สมชัย แสนภูมิ (2557) ทำาการศึกษาวิจัยเรื่อง การจัดองค์กรพรรคภายใต้การน�าของทักษิณ ชินวัตร:
ศึกษากรณีพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย งานของสมชัยเสนอภาพของโครงสร้าง
การบริหารและการจัดการภายในของพรรคการเมืองที่ส่งทอดต่อเนื่องกันคือ ไทยรักไทย พลังประชาชน และ
เพื่อไทย แกนกลางสำาคัญของพรรคทั้ง 3 นี้คือ การเป็นพรรคที่มีโครงสร้างแนวดิ่ง โดยบุคคลที่มีบทบาทใน
การกำาหนดทิศทางของพรรคทั้ง 3 ตั้งแต่การเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งถึงการตัดสินใจต่าง ๆ ของพรรคคือ
พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มชนชั้นนำาในพรรคเป็นหลัก การกำาหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรค
มีการหาข้อมูลและรวบรวมความต้องการของประชาชนผ่านการวิจัย จนนำามาสู่การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบ
นโยบาย การหาเสียง การสร้างภาพลักษณ์ต่าง ๆ ของพรรคการเมืองทั้ง 3 ที่ทำาให้แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น ๆ
ประเด็นสำาคัญที่ปรากฏในการศึกษาวิจัยของแสนชัยคือ ความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคอาจไม่ใช่เงื่อนไข
ของการทำาให้พรรคการเมืองชนะ เพราะพรรคทั้ง 3 ได้รับชัยชนะมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำาคัญคือ การบริหาร
จัดการพรรคแบบเบ็ดเสร็จโดยชนชั้นนำาของพรรค แต่การจัดโครงสร้างการบริหารแบบบนลงล่างก็ทำาให้ลด
ความขัดแย้งและง่ายต่อการจัดสรรผลประโยชน์โดยผู้นำาพรรค จะเห็นว่าลักษณะการดำาเนินการของพรรค
นับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ประสบความสำาเร็จในการเลือกตั้งมา
อย่างต่อเนื่องแม้จะเปลี่ยนชื่อพรรคหรือผู้นำาพรรคการเมืองก็ตาม การยึดครองพื้นที่ฐานคะแนนเสียงในพื้นที่
ภูมิภาคต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน มีผลอย่างยิ่งต่อการจงรักภักดีต่อพรรคการเมืองอันเกิดจากการยึดโยง
กับนโยบายพรรค และผู้นำาพรรค คือ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร หรืออาจกล่าวได้ว่า นับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย
จนมาถึงพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน พรรคทั้ง 3 นี้ได้เปลี่ยนแปลงความคิดเรื่องการยึดติดกับตัวบุคคลในพื้นที่มาสู่
การยึดติดกับพรรคการเมืองและนโยบายพรรคการเมืองอย่างเห็นได้ชัดเจน
สติธร ธนานิธิโชติ (2558) เสนอบทความเรื่อง ความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งของทายาท
ตระกูลนักการเมือง สติธรได้ศึกษาตระกูลการเมืองในกลุ่มประเทศประชาธิปไตย และประเทศที่มีความเสี่ยงใน
การไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์พบว่า ตระกูลการเมืองไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่ปรากฏให้เห็นในประวัติศาสตร์
การเมืองของหลายประเทศ ในขณะที่พบว่าตระกูลการเมืองในอดีตเป็นสิ่งสำาคัญต่อการเลือกตั้งในประเทศไทย