Page 47 - kpiebook63011
P. 47
47
การอยู่ในสายสัมพันธ์หรือเครือข่ายของตระกูลการเมืองอาจนำาไปสู่โอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขัน
การเลือกตั้ง แต่ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่น ๆ ประกอบ โดยข้อมูลสำาคัญที่ได้ทำาการศึกษาคือ ผลการเลือกตั้งในปี 2554
พบว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหน้าใหม่นั้นมีสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งที่มาจากจากตระกูลการเมือง ในสัดส่วนของ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหน้าใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในสายสัมพันธ์ของตระกูลการเมือง พบว่าเกือบครึ่งมีประสบการณ์
ในการเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมาก่อน การศึกษาของสติธรทำาให้เห็นถึงการดำารงอยู่ของระบบอุปถัมภ์ผ่าน
สายตระกูลไปสู่ผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งและในจังหวัดนั้น ๆ ในขณะเดียวกันก็เห็นสัญญาณของ
ความเสื่อมถอยของอำานาจของตระกูลการเมืองในระบบการเลือกตั้ง
บทความของ วีระพงศ์ เชาวลิต (2561) เรื่อง บทบาทของพรรคการเมืองไทยกับการเลือกตั้งใน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ชี้ให้เห็นว่าระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมนั้น
ทำาให้พรรคการเมืองมีความสำาคัญมากขึ้น และทุกพรรคการเมืองมีโอกาสในการได้คะแนนเสียงที่ถูกเอามานับ
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ เกิดการซื้อตัวผู้นำาท้องถิ่น หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง
ในนามพรรคการเมือง ซึ่งระบบการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำาให้เห็นเป้าหมายของการสร้าง
รัฐบาลผสมมากกว่าการสร้างรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองเข้มแข็ง วีระพงศ์ได้วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า
รัฐธรรมนูญอาจจะไม่ได้สร้างปัญหาในเรื่องของการใช้ระบบการเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม แต่ยังมีปัญหา
ต่อเนื่องที่เกิดตามมาภายหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ การทำางานของรัฐบาล ที่จะเป็นการผสม
ของพรรคการเมืองรวมกันจำานวนมากจนนำาไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลผสมอันเป็นที่มาของการต่อรองผลประโยชน์
ทางการเมืองของกลุ่มการเมืองในระบบรัฐสภา
การศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 สะท้อน
ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงระบบพรรคการเมืองและพฤติกรรมของผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เช่นงานของ
ณสดมภ์ ธิติปรีชา (2560) ที่ศึกษาระบบการเลือกตั้ง การจัดการการเลือกตั้งที่มีผลต่อผลการเลือกตั้ง เรื่อง
ระบบเลือกตั้งและการจัดการเลือกตั้ง: เป้าหมายและผลลัพธ์ทางการเมือง จากการศึกษาพบว่าบริบททาง
การเมืองในช่วงเวลาต่าง ๆ มีความสำาคัญต่อการกำาหนดเป้าหมายของผู้มีอำานาจในการกำาหนดกติกาทางการเมือง
รวมถึงระบบการเลือกตั้งในช่วงเวลานั้น โดยได้ใช้การจัดการเลือกตั้งและระบบเลือกตั้งเป็นเครื่องมือหนึ่ง
ในการบรรลุเป้าประสงค์ทางการเมืองที่ต้องการให้เป็นและผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามผลลัพธ์
อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายของผู้มีอำานาจในการกำาหนดกติกาเสมอไป เนื่องจากความรู้ความเข้าใจและ
ความตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน ที่อยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ทั้งนี้ ณสดมภ์ยังพบว่า
ระบบการเลือกตั้งของประเทศไทย ถูกออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเมืองแทบทั้งสิ้น
แม้กระทั่งการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ก็เป็นไปตามเป้าหมายในการลดบทบาทความสำาคัญของ
พรรคการเมืองจากการใช้บัตรเลือกตั้งแบบใบเดียว ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำาความเข้าใจผลการเลือกตั้ง
และพฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนนั้น ต้องทำาความเข้าใจถึงระบบการเลือกตั้งและรูปแบบ ประเภทของ
การเลือกตั้งที่มีการออกแบบและกำาหนดมาให้สอดคล้องตามเป้าหมายของรัฐ