Page 38 - kpiebook63008
P. 38
38 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาญจนบุรี
ประการแรก ปัจจัยสารสารเทศ หรือกระบวนการ เกี่ยวข้องกับ (1) ผู้ส่งสาร คือ นักการเมือง
พรรคการเมือง องค์กรหรือสถาบันทางการเมือง (2) สารสนเทศทางการเมือง ซึ่งเป็นเนื้อหาสาระการสื่อสาร
ทางการเมืองโดยตรง เพื่อใช้เป็นข้อมูลทางการเมือง ต้องมีการกลั่นกรอง มีการจัดระเบียบสามารถนำาไปใช้ได้
สามารถปรับเปลี่ยน ขยายตัว หรือทดแทนข้อมูล สารสนเทศที่ดีจึงต้องมาจากประมวลข้อเท็จจริงและการวิเคราะห์
ที่ดีมีความเหมาะสมต่อการนำาไปใช้ (3) ช่องทางการสื่อสาร สื่อสารมวลชนนับเป็นช่องทางหลักที่มีความสำาคัญ
เป็นหน่วยที่มีอิทธิพลหรือเป็นเครื่องมือในการทำาให้ประชาชนมีแนวคิดที่เห็นด้วยหรือสนับสนับสนุน ยุทธศาสตร์
การสื่อสารการเมืองจึงอยู่ที่วิธีการสร้างอิทธิพลเหนือระบบสื่อมวลชน ปัจจุบันสิ่งที่มีผลอิทธิต่อการความคิด
ความเชื่อและความรู้ทางการเมืองได้มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปสู่สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและก้าวหน้า
เป็นอย่างมาก รัฐบาล พรรคการเมืองและนักการเมืองจึงจำาเป็นต้องมีการปรับตัวและพัฒนาขีดความสามารถ
ในการประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม และ (4) ผู้เปิดรับสื่อการเมืองหรือประชาชน โดยที่ประชาชนอยู่ในฐานะผู้รับข้อมูล
ข่าวสารทางการเมือง ทั้งนี้มีความแตกต่างกันออกไปในกลุ่มคนที่หลากหลาย โดยผู้ที่มีความรู้ทางการเมืองจะมี
ความซับซ้อนในการเข้าใจและตระหนักถึงความสำาคัญทางการเมือง มีความใกล้ชิดและผูกพันกับพรรคการเมือง
ที่ตนสังกัด มีความเชื่อมั่นในพรรคการเมือง และให้ความสำาคัญกับความชอบธรรมทางการเมืองมากกว่า
คนทั่วไป ประการที่สอง การจัดการยุทธศาสตร์เชิงเงื่อนไข เกี่ยวข้องกับการจัดระเบียบโครงสร้าง การพัฒนาระบบ
การสื่อสารทางการเมือง และการเจรจาต่อรองเพื่อประโยชน์ทางการเมือง และประการที่สาม ปัจจัยออกทางการเมือง
หรือนโยบาย ประกอบด้วย นโยบายการสื่อสารองค์การ การไหลเวียนสารสนเทศ และนโยบายในภาวะวิกฤต
สำาหรับแนวคิดและทฤษฏีที่มีความสำาคัญต่อการนำามาอธิบายและวิเคราะห์ทัศนคติ ความคิด
ค่านิยม ความเชื่อ วัฒนธรรมและพฤติกรรมทางการเมืองของรัฐบาล พรรคการเมือง นักการเมืองและประชาชน
อีกประการคือ ทฤษฏีว่าด้วยการตัดสินใจเลือกของส่วนรวม (public choice theory) (อนุสรณ์ ลิ่มมณี, 2555)
แนวคิดนี้มองว่าทั้งรัฐบาล พรรคการเมือง นักการเมืองและประชาชนต่างตัดสินใจทางการเมืองภายใต้ความ
ต้องการในอรรถประโยชน์สูงสุด โดยมีสมมติฐาน 4 ประการ กล่าวคือ ประการแรก การซื้อขายแลกเปลี่ยน
ในระบบตลาด (exchange) ซึ่งรัฐบาล พรรคการเมือง นักการเมือง อยู่ในฐานะผู้ผลิตสินค้าและบริการสาธารณะ
ในรูปนโยบายเพื่อให้ประชาชนในฐานะผู้บริโภคหรือผู้ซื้อสินค้า (customer) ซึ่งฝ่ายการเมืองย่อมต้อง
คิดค้นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนโดยรวม ประการที่สอง ประชาชน
จะมีลักษณะที่เป็นปัจเจกชนและมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ของตนเองและเห็นแก่ตัว พฤติกรรมเห็นแก่ตัว
ดังกล่าวรวมถึงรัฐบาลหรือนักการเมืองด้วยเช่นกัน โดยรวมแล้วพฤติกรรมและความต้องการของคนส่วนใหญ่
จะมีลักษณะที่เหมือนกันหรือย่อมเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ประการที่สาม การตัดสินใจเลือกอย่างมีเหตุผล
โดยการตัดสินของประชาชนมีหลักการพื้นฐานที่มาจากความสามารถในการจัดลำาดับความต้องการสูงสุดของ
ตนเอง ดังนั้นการตัดสินใจทางการเมืองด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกนักการเมืองและพรรคการเมืองจึงมีเหตุผล
เฉพาะของตน และประการที่สี่ การมุ่งก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด (maximization of unitality) โดยมองว่าพฤติกรรม
ของประชาชนเป็นพฤติกรรมที่มุ่งประโยชน์สูงสุดอย่างมีเหตุผล เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะกระทำาสิ่งที่เป็นประโยชน์
และความต้องการของตนเองอยู่เสมอ เช่นเดียวกันกับที่รัฐบาลจะมุ่งดำาเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่คาดหวัง
ว่าจะได้รับการสนับสนุนหรือการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคและสมาชิกพรรคของตนเองมากที่สุด หรือการ