Page 43 - kpiebook63008
P. 43
43
นั้นจะเกี่ยวข้องกับความเชื่อ ค่านิยมและพฤติกรรมทางการเมือง รวมถึงวัฒนธรรมทางการเมืองของประชาชน
เป็นความสัมพันธ์ภายใต้การพึ่งพาระหว่างนักการเมืองที่มุ่งหวังคะแนนเสียงสนับสนุนโดยมีเป้าหมาย
คือการชนะการเลือกตั้ง ขณะที่ประชาชนในท้องถิ่นจะมีวัฒนธรรมทางการเมืองที่ให้ความสำาคัญกับความต้องการ
ให้นักการเมืองเข้ามาช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากปัญหาการขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐาน
ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ พฤติกรรมและการปฏิบัติการทางการเมืองของนักการเมืองจังหวัดกาญจนบุรี
ที่พบคือการให้คำามั่นสัญญา การให้คำาปรึกษา และการนำาเสนอโครงการหรือแผนงานการพัฒนท้องถิ่นผ่าน
ผู้นำาชุมชนและท้องถิ่น ทั้งนี้ความสำาเร็จทางการเมืองด้วยการชนะการเลือกตั้งจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยความสำาเร็จ
หรือผลงานของนักการเมืองมากกว่าปัจจัยความสำาเร็จในหน้าที่การงานหรือภูมิหลัง/ประวัติของนักการเมือง
ซึ่งแม้ว่าจะมีภูมิหลังเป็นลูกหลานชาวบ้านหากแต่สามารถพัฒนาตนเองในด้านการศึกษาจนกระทั่งประสบ
ความสำาเร็จในอาชีพราชการ รวมถึงการเป็นอดีตนายทหารระดับสูงมาก่อนก็มิได้เป็นปัจจัยที่จะสามารถทำาให้
ประสบความสำาเร็จทางการเมืองหรือชนะการเลือกตั้งได้แต่อย่างใด
สำาหรับงานศึกษาของไชยวุฒิ มนตรีรักษ์ (2551) เรื่องนักการเมืองถิ่นจังหวัดเลย พบว่ากลุ่มสนับสนุน
นักการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับประชาชนในช่วงเริ่มต้นระหว่างปี 2476-2500 มีพื้นฐาน
จากความสัมพันธ์ในตระกูลเครือญาติ แต่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงนับจากปี 2512 ด้วยเกิดกลุ่มเครือข่ายนักธุรกิจ
ที่เข้าสู่การเมืองระดับชาติ มีความสัมพันธ์ระหว่างนักธุรกิจระหว่างจังหวัด การสนับสนุนจากกลุ่มธุรกิจค้าไม้
เริ่มมีการซื้อเสียง การใช้อิทธิพลกับหัวคะแนน การสร้างระบบอุปถัมภ์ ต่อมาระหว่างปี 2531-2535 การเมือง
มีลักษณะ 2 แบบ นักการเมืองส่วนหนึ่งมีพฤติกรรมเชิงอุดมการณ์ และอีกกลุ่มเป็นกลุ่มธุรกิจแบบธนกิจ
การเมือง โดยที่นับจากปี 2538 เป็นต้นมา กลุ่มนักการเมืองที่ยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตยพ่ายแพ้ ไม่ชนะ
การเลือกตั้งอีกเลย ในขณะที่ในพื้นที่ยังไม่ปรากฏการจัดตั้งเครือข่ายการเมืองที่เด่นชัด แม้ว่าจะมีกลุ่มการเมือง
เข้มแข็ง 3 ตระกูล ประกอบด้วย ตระกูลแสงเจริญรัตน์ ตระกูลเร่งสมบูรณ์สุข และตระกูลทิมสุวรรณ ซึ่งล้วน
แล้วแต่เป็นกลุ่มทำาธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทั้งสิ้น และการสัมปทานเหมืองแร่ ภายใต้ 3 ตระกูลมีการแบ่งพื้นที่
ทางการเมืองแบบประนีประนอมและจัดสรรที่ลงตัว ทำาให้มีบทบาทและอิทธิพลทางการเมืองที่ต่อเนื่องจนถึง
ปี 2548 จึงไม่ปรากฏการแข่งขันในลักษณะตลาดการเมืองที่แท้จริง
สำาหรับวิธีการและรูปแบบการหาเสียงระหว่างปี 2476-2500 ใช้การเดินหาเสียงตามหมู่บ้าน ใบปลิว
โปสเตอร์ ภาพยนต์ การจัดเลี้ยง แจกสิ่งของ เช่น นำ้าปลา ปลาร้า ปลาทูเค็ม รองเท้า ในขณะที่นักการเมือง
บางคนใช้การปราศรัยนำาเสนอนโยบายการพัฒนาความเจริญในพื้นที่ การนำาเสนอภาพลักษณ์หัวหน้าพรรค
การปล่อยข่าวลือโจมตีให้ร้ายคู่แข่ง อย่างไรก็ตามนับจากปี 2518 เริ่มมีการซื้อเสียง จัดเลี้ยง จัดตั้งเครือข่าย
หัวคะแนน นักการเมืองที่มีพื้นฐานนักธุรกิจเลือกใช้การเงินและอุปถัมภ์หัวคะแนน โดยที่ไม่เน้นการปราศรัย
นับจากปี 2538 เป็นต้นมามีการนำารูปแบบการบริหารธุรกิจและการสร้างฐานะคะแนนเสียง และการสร้าง
ความสัมพันธ์ใกล้ชิดข้าราชการผู้ใหญ่ในจังหวัดสำาหรับควบคุมและใช้ประโยชน์จากกลไกราชการ มีกลุ่ม
การเมืองระดับชาติช่วยเหลือในลักษณะที่เรียกว่า “มุ้งการเมือง” เพื่อสร้างความเข้มแข็งในอำานาจทางการเมือง
นับจากปี 2535-2548 ระบบอุปถัมภ์และเงินทุนเป็นปัจจัยสำาคัญต่อความสำาเร็จทางการเมือง ในขณะที่ปัจจัย