Page 58 - kpiebook63007
P. 58

58       การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์








             ในทางวิชาการมันก็คือ “ความสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยน” คนรวยกว่าต้องให้คนจนที่อยู่ในอุปถัมภ์ของตนเองได้

             ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในตัว ในขณะเดียวกันก็แลกโดยการให้คนนั้นมาเป็นลูกน้อง มาเป็นแรงงาน หรือเอาทรัพย์สิน
             เงินทองมาบำาเรอตัวก็ตาม แต่สรุปมันเป็น “ความสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยน” ซึ่งมันเปิดโอกาสที่สำาคัญให้มี

             การต่อรองในการใช้ทรัพยากรได้ เพราะมันอยู่ในความจำาเป็นที่ต้องร่วมมือกัน คนที่รวยมีที่นาใหญ่ปลูกข้าวมาก
             จะบังคับให้ได้ใช้นำ้าคนเดียวไม่ได้เพราะต้องการกำาลังในการเก็บเกี่ยวให้หมด ต้องให้คนอื่นมาเป็นกำาลังช่วยใน

             การเกี่ยวข้าว แปลว่าคนรวยต้องพึ่งพาอาศัยคนจน ดังนั้นคนจนก็มีโอกาสต่อรองในการจัดสรรทรัพยากรด้วย


                      หัวใจของระบอบการปกครองที่ใช้อยู่ในปัจจุบันอย่างระบอบประชาธิปไตย คือทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย
             มีโอกาสต่อรองใกล้เคียงกัน จึงจะเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตย และคนไทยในชนบทมาแต่โบราณนั้นส่วนใหญ่

             ก็เคยชินกับระบบที่ทุกกลุ่มทุกฝ่ายมีโอกาสต่อรองใกล้เคียงกัน ฉะนั้นการที่เชื่อมาตลอดเวลาว่าระบอบประชาธิปไตย
             มาจากต่างประเทศ คนไทยไม่เคยมีจึงไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยในเมืองไทยได้ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เห็นว่า

             มันผิด จริง ๆ แล้วคนไทยส่วนใหญ่เคยชินกับการอยู่ในระบอบประชาธิปไตย

                      คนไทยที่ไม่เคยอยู่กับระบอบประชาธิปไตยเลยคือ “ชนชั้นกลาง” ที่ไม่เคยทำางานเลี้ยงตนเองเลย

             และอยู่ในระบบอุปถัมภ์แบบชนิดที่ไม่มีการต่อรอง คนเหล่านี้ต่างหากที่มาสร้างความเชื่อให้คนไทยว่า

             ระบอบประชาธิปไตยเป็นของต่างด้าว เป็นของที่เราไม่เคยเห็น เราจึงอยู่กับมันไม่ได้ ทั้งที่คนส่วนใหญ่มี แต่เมื่อ
             ชนชั้นกลางเป็นกลุ่มคนที่มีอำานาจในทางวัฒนธรรมสูงสุดจึงสถาปนาความเชื่อนี้ครอบให้กับชาวบ้าน ทั้งที่ใน
             สมัยปู่ย่าตายายเองอยู่ในระบบที่มี “ความสัมพันธ์ในเชิงประชาธิปไตย” ที่จะเรียกการระบอบอะไรก็แล้วแต่

             แต่มันมีความสำาคัญในเชิงประชาธิปไตยอย่างยิ่ง


                      จะสร้างประชาธิปไตยต่อไป จะต้องสร้างอำานาจที่ทุกฝ่ายทุกกลุ่มมีอำานาจในการต่อรองอย่าง

             เท่าเทียมกัน แต่ตรงกันข้ามในการรัฐประหารกลุ่มต่าง ๆ ที่เขามายึดอำานาจในประเทศไทยนั้น จะทำาตรงกันข้าม
             คือ ตัดโอกาสการต่อรองทั้งในกรอบและนอกกรอบออกไปหมด และพยายามสร้างความสงบเรียบร้อยขึ้น
             คนไทยเชื่อว่าความสงบเรียบร้อยจะเกิดขึ้นได้เมื่อทุกฝ่ายมีการตกลงต่อรองกัน ถ้าไม่มีการต่อรอง มีหรือ

             ความสงบเรียบร้อยจะเกิดขึ้นได้ แต่ทหารกลับคิดตรงกันข้ามด้วยการสัญญาว่าจะสร้างความสงบเรียบร้อย

             แต่กลับตัดกระบวนการการต่อรองทั้งในและนอกกรอบออกไปหมด เพราะคิดว่าการต่อรองคือความเดือดร้อน
             อันเป็นเรื่องความคิดที่มาจากวัฒนธรรมทางการเมืองของชนชั้นกลางไทยที่ให้ชนชั้นกลางไทยเป็นผู้ถืออำานาจ


                      กล่าวโดยสรุปว่า ถ้าต้องการเป็นประชาธิปไตย ต้องมีอำานาจที่มีฐานมาจากความหลากหลาย
             เมื่อไรก็ตามที่มีอำานาจมาจากฐานเดียว ไม่ว่าจะเป็นจะกำาลังอาวุธ หรือจากการเลือกตั้ง หรืออะไรก็แล้วแต่

             การเป็นประชาธิปไตยมันเกิดขึ้นไม่ได้ ประชาธิปไตยจะอยู่ได้ถ้ามีฐานอำานาจที่หลากหลาย ซึ่งสามารถเอาอำานาจนั้น
             มาคานอำานาจได้ แต่น่าเสียดายที่ประชาธิปไตยแบบไทยเหล่านี้มันไม่มีโอกาสได้พัฒนา
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63