Page 53 - kpiebook63007
P. 53

53








                  ประชาธิปไตย ถ้าสังคมนั้นประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำาการเมืองมีลักษณะที่เป็นเผด็จการอันเนื่อง

                  มาจากวัฒนธรรมสังคม รวมตลอดทั้งบุคลิกภาพของคนในสังคมนั้น ย่อมยากที่จะพัฒนาระบอบการปกครอง
                  แบบประชาธิปไตย วัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตยคือ การมีทัศนคติที่เชื่อในความเสมอภาคของมนุษย์

                  มีศรัทธาในมนุษย์ว่าสามารถที่จะใช้เหตุใช้ผลในการชี้แจงข้อสงสัยและความขัดแย้งต่าง ๆ เชื่อในสิทธิเสรีภาพ
                  ขั้นพื้นฐาน อดทนอดกลั้นต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง มีจิตใจที่เป็นนักกีฬา การยอมเสียสละส่วนตนเพื่อผลประโยชน์

                  ส่วนรวม การเคารพในหลักนิติธรรม โดยมีแนวโน้มที่จะร่างกฎหมายและอ่านกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ต่อ
                  ส่วนรวม ด้วยการยึดถือหลักการเป็นใหญ่


                          ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวเป็นเสมือนฐานรากของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย และนั่นคือ

                  วัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตยซึ่งมีความจำาเป็นอย่างยิ่งที่จะแผ่ขยายไปอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชน
                  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้นำาทางการเมืองจนพัฒนาเป็นจิตวิญญาณประชาธิปไตย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ

                  ค่านิยมและปทัสถานที่เป็นประชาธิปไตย

                          คำาถามคือ ทำาอย่างไรจึงจะมีการพัฒนาวัฒนธรรมแบบประชาธิปไตยขึ้นได้ในสังคม คำาตอบของ

                  นักรัฐศาสตร์ก็คือจะต้องมีการกล่อมเกลาเรียนรู้ (socialization) ให้มีวัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตย

                  ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น กระบวนการดังกล่าวนี้เรียกว่ากระบวนการกล่อมเกลาเรียนรู้ทางการเมือง (political
                  socialization) ซึ่งจะมีขั้นตอนและกระบวนการทั้งในแง่การสร้างค่านิยมแบบนามธรรมในลักษณะหลักการหรือ
                  ปรัชญา รวมตลอดทั้งการปฏิบัติที่อยู่ในสังคม เริ่มต้นตั้งแต่ระดับครอบครัว จากนั้นก็โรงเรียน องค์กรศาสนา

                  องค์กรสังคม และสังคมโดยรวม


                          ด้าน ชัยอนันต์ สมุทวณิช (2552 : 170-171) ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับลักษณะเด่นของรัฐ และ

                  สังคมไทย ดังนี้

                          1)  รัฐและสังคมไทย มีความหลากหลายทางโครงสร้างย่อยภายใน ทั้งทางด้านอำานาจทางการเมือง

                  ลักษณะทางเศรษฐกิจ ลักษณะทางสังคม (เชื้อชาติ เผ่าชน ภาษา วัฒนธรรม) และมีความไม่สมำ่าเสมอกัน
                  ทางพัฒนาการของโครงสร้างย่อยดังกล่าวนี้


                          2)  ความหลากหลายและความไม่สมำ่าเสมอดังกล่าว ได้ดำารงอยู่อย่างต่อเนื่องยาวนาน และได้รับ

                  ผลสะเทือนจากพลังภายนอกสังคมเฉพาะบางจุดจนกระทั่งเกิดการผสมผสานระหว่างมิติ 3 ด้าน คือ ความมั่นคง
                  การพัฒนา และประชาธิปไตย ความหลากหลายและความไม่สมำ่าเสมอในโครงสร้างย่อยของรัฐ และสังคมไทย

                  จึงลดตำ่าลง แต่มิได้หมดไปเสียเลยทีเดียว


                          3) ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับสังคม เป็นไปในลักษณะของ “รัฐเหนือสังคม” มากกว่า “สังคม
                  เหนือรัฐ” กล่าวคือ โดยทั่วไปและในพัฒนาการทางประวัติศาสตร์สังคมแล้ว รัฐและกลไกของรัฐทั้งทางด้าน

                  กลไกการใช้กำาลังบังคับ และกลไกทางอุดมการณ์ ได้เป็นฝ่ายครอบงำาและกำาหนดทิศทางของการเปลี่ยนแปลง
                  ทางสังคมมากกว่าที่พลังทางสังคมจะเป็นฝ่ายครอบงำาและกำาหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น รัฐจึงมี
   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58