Page 47 - kpiebook62008
P. 47
๑๖
๓๒. ความเสมอภาคในการเสียภาษีระหว่างหญิงโสดกับหญิงที่ได้จดทะเบียนสมรส มาตรา ๕๗ ตรี วรรค
แรก บัญญัติให้หญิงที่มีสามีจะต้องยื่นรายการเสียภาษีร่วมกันกับสามี โดยให้ถือว่าเป็นเงินได้ของสามี ทำให้ฐาน
ภาษีของสามีสูงกว่ากรณีแยกยื่นรายการ ส่งผลให้คู่สมรสจะต้องเสียภาษีมากกว่ากรณีของหญิงโสดซึ่งสามารถนำ
เงินได้ของตนยื่นคำนวณเป็นฐานภาษีของตนเพียงผู้เดียว ส่วนความในวรรคสองและสามนั้น แม้คู่สมรสอาจขอแยก
ยื่นรายการได้ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งหากเกิดกรณีที่มีฝ่ายใดค้างชำระภาษี กฎหมายก็ได้
วางหลักให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องร่วมรับผิดในการเสียภาษีที่ค้างชำระนั้นด้วย ดังนั้น แม้วรรคสองและสามเป็นการให้
ทางเลือกคู่สมรสสามารถขอแยกยื่นได้ แต่ก็เป็นการบังคับให้ยื่นร่วมกันทางอ้อม ศาลจึงมีคำวินิจฉัยว่า “กรณีเป็น
การจำกัดสิทธิไม่ให้คู่สมรสแยกกันยื่นรายการและเสียภาษี ถือได้ว่าไม่ส่งเสริมความเสมอภาคของชายและหญิงโดย
มุ่งจะให้สามีและภริยาร่วมกันจ่ายภาษีให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ จึงเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล
เพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องสถานะของบุคคลระหว่างหญิงโสดกับหญิงมีสามีที่มีเงินได้พึงประเมินตาม
มาตรา ๔๐ (๒) - (๘) อันเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา ๓๐”
๓๓. ความเสมอภาคในการยื่นรายการเสียภาษีของหญิงที่มีสามีซึ่งมีเงินได้พึงประเมินต่างประเภทกัน
มาตรา ๕๗ เบญจ วรรคแรก บัญญัติให้ภริยาสามารถเลือกแยกยื่นรายการและเสียภาษีโดยไม่ต้องถือว่าเป็นเงินได้
ของสามีได้เฉพาะกรณีที่ภริยามีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากรเท่านั้น หากภริยามีเงิน
ได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๒) - (๘) นั้นยังคงต้องยื่นร่วมกันกับสามีตามมาตรา ๕๗ ตรี ส่งผลให้หญิงมีสามีที่มี
เงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๑) ที่ขอแยกยื่นรายการ มีทางเลือกที่จะเสียภาษีต่ำกว่ากรณีหญิงมีสามีที่มีเงินได้ตามมาตรา
๔๐ (๒) - (๘) ซึ่งถูกบังคับให้ต้องยื่นร่วมกับสามี ศาลจึงมีคำวินิจฉัยว่า “เงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) - (๘)
กฎหมายได้แบ่งแยกไว้เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเงินได้ตาม
มาตรา ๔๐ (๑) หรือเงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๒) - (๘) ก็ต่างเป็นเงินได้ที่เกิดจากการทำงานและตำแหน่งงานของ
ภริยาเช่นเดียวกัน เมื่อรัฐธรรมนูญมาตรา ๓๐ รับรองให้ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน มีความเสมอภาคกัน และ
ต้องได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเท่าเทียมกัน จึงควรให้สามีและภริยามีสิทธิเลือกว่าจะรวมกันหรือแยกกัน
ยื่นรายการและเสียภาษีในส่วนของตนอย่างชัดเจนและทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้ภริยา
แยกยื่นรายการและเสียภาษีได้เฉพาะส่วนที่เป็นเงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๑) เท่านั้น บทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวจึง
เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องสถานะของบุคคลระหว่างภริยาที่
มีเงินได้พึงประเมินตาม ๔๐ (๑) กับภริยาที่มีเงินได้พึงประเมินตาม ๔๐ (๒) - (๘) อีกทั้งไม่เข้ากรณีตามรัฐธรรมนูญ