Page 19 - kpiebook62002
P. 19
หลังจากพิธีสารเพื่อป้องกัน ปราบปรามและลงโทษ การค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก เสริม
อนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร (Protocol to Prevent,
Suppress and Punish Trafficking in Persons Especially Women and Children, supplementing
the United Nations Convention against Transnational Organized Crime) ค.ศ. 2000 ซึ่งเป็นตราสาร
ที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศฉบับแรกที่มีค าจ ากัดความอันเป็นที่ตกลงกันเกี่ยวกับการค้ามนุษย์
อาเซียนมุ่งจัดการกับการค้ามนุษย์อย่างชัดเจนดังปรากฏในรูปแบบปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้า
มนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ASEAN Declaration Against Trafficking in Persons Particularly Women
and Children) ค.ศ. 2004 ซึ่งรัฐสมาชิกอาเซียนแสดงความตระหนักถึงความจ าเป็นเร่งด่วนที่จะต้องมี
แนวทางระดับภูมิภาคต่อการค้ามนุษย์ และให้สัญญาที่จะจัดตั้งเครือข่ายจุดรวมของภูมิภาค เพื่อป้องกันและ
ต่อสู้การค้ามนุษย์ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจัดท าเป็นแผนการท างานในการด าเนินการปฏิญญาดังกล่าวใน ค.ศ.
2007-2009 ซึ่งรับรองโดยที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติใน ค.ศ. 2007 ซึ่งมุ่งเน้น
1
การพัฒนามาตรฐานร่วมกันและเสริมสร้างการตอบสนองกระบวนการยุติธรรมทางอาญาต่อการค้ามนุษย์
ในขณะที่ในระดับโลกได้จัดท าแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์
(United Nations Global Plan of Action to Combat Trafficking in Persons) ค.ศ. 2010 เพื่อยืนยัน
พันธกรณีในการต่อต้านการค้ามนุษย์และจัดตั้ง “กองทุนสหประชาชาติเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้า
มนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก” (United Nations Voluntary Trust Fund for Victims of Trafficking in
Persons, Especially Women and Children) เพื่อให้การคุ้มครองผู้ที่เสี่ยงต่อการค้ามนุษย์และรวบรวม
ข้อมูลการค้ามนุษย์ ต่อมาในปี 2015 ผู้น าอาเซียนลงนามอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์
โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ASEAN Convention Against Trafficking in Persons, Especially. Women and
Children: ACTIP) และแผนปฏิบัติการ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งส าคัญในภูมิภาคที่มีอนุสัญญาในเรื่อง
ดังกล่าว
ส าหรับประเทศไทย การค้ามนุษย์และการย้ายถิ่นแบบไม่ปกติถือเป็นความท้าทายและพร้อมพลิก
เปลี่ยนเป็นวิกฤตการณ์ด้านความมั่นคงในรูปแบบใหม่ของประเทศ รายงานการค้ามนุษย์ (Trafficking in
Persons Report) ที่จัดท าโดยกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาเป็นประจ าทุกปีถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง
ที่สะท้อนในเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงปี 2014-2015 ประเทศไทยถูกขึ้นบัญชีกลุ่มที่ 3 (Tier 3)
ซึ่งหมายถึงประเทศที่ด าเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ าของกฎหมายสหรัฐอเมริกา และไม่มีความ
พยายามแก้ไขปัญหา จากก่อนหน้านี้อยู่ในบัญชีกลุ่มที่ 2 บัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch
List) ช่วงดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ไทยเผชิญกับปัญหาการค้ามนุษย์และการย้ายถิ่นแบบไม่ปกติทั้ง
แรงงานในอุตสาหกรรมประมงและการย้ายถิ่นทางทะเลของชาวโรฮิงญาจากเมียนมาและบังกลาเทศข้าม
อ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดียเข้ามาในประเทศไทยและเดินทางต่อทางบกเพื่อเข้าไปมาเลเซียโดยเฉพาะ
1 Ibid.
[3]