Page 181 - kpiebook62002
P. 181
ระหว่างประเทศอันเป็นเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของชาติ โดยองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านความมั่นคง
ปลอดภัยไซเบอร์ของเอสโตเนียที่ไทยสามารถเรียนรู้น ามาปรับใช้ได้ คือ การพัฒนาหลักสูตรวิชาคอมพิวเตอร์
และการจัดท าโครงการต่างๆ ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ของไทยทั้งในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านไซเบอร์
การสร้างความตระหนักถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์และการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย หรือการเพิ่ม
จ านวน start-up ที่สามารถน าองค์ความรู้มาพัฒนาอาชีพบนโลกออนไลน์ นอกจากนี้ โครงการ CDL ก็อาจ
เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์ในภาครัฐของไทยในระยะสั้นได้
สหภาพยุโรป
แนวทางการจัดการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของสหภาพยุโรปสามารถน ามาเป็นบทเรียนส าหรับ
การพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของอาเซียนได้ โดยสหภาพยุโรปเริ่มให้ความส าคัญ
กับการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ตั้งแต่ปี 1998 โดยคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ได้
น าเสนอผลการศึกษาเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ต่อสภายุโรป (European Council) อันน าไปสู่การ
จัดท าแผนปฏิบัติการ e-Europe Action ในปี 2000 อันเป็นแผนรับมือการกระท าผิดทางคอมพิวเตอร์ระหว่าง
ชาติสมาชิก ต่อมาได้จัดตั้งเวที EU Forum on Cybercrime ให้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และเสริมสร้าง
ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของแต่ละชาติสมาชิก ต่อมาในปี 2002 คณะกรรมาธิการ
ยุโรปได้น าเสนอกรอบความร่วมมือจัดการกับการกระท าความผิดต่อระบบสารสนเทศ (Council Framework
Decision on Attacks Against Information Systems) เพื่อเสนอให้ชาติสมาชิกบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับ
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ให้มีความสอดคล้องกันทั้งกฎหมายสารบัญญัติและวิธีบัญญัติเพื่อประสิทธิภาพใน
การจัดการภัยคุกคามที่มีร่วมกัน (ชูเกียรติ น้อยฉิม และ วรณัฐ บุญเจริญ, 2557, 258-259)
ในปี 2004 มีพัฒนาการที่ส าคัญ คือ การจัดตั้งส านักงานเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
สารสนเทศและเครือข่ายแห่งสหภาพยุโรป (European Union for Network and Information Security:
ENISA) เพื่อให้เป็นกลไกหลักในการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในยุโรป โดยมีแผนการด าเนินงาน NIS
Directive (Directive on Security of Network and Information Systems) เป็นเครื่องมือส าคัญในการ
ส่งเสริมการสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์บนพื้นฐานของค่านิยมสากล เนื่องจากการด าเนินงานด้านความ
มั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของชาติสมาชิกจะต้องปฏิบัติตาม NIS Directive ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งทีมตอบโต้
CSIRT และกลไกหลัก การก าหนดยุทธศาสตร์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร และ
ร่วมมือด าเนินการตามมาตรการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานส าคัญด้านสารสนเทศและผู้ให้บริการเครือข่าย
อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี เพื่อเป็นการรับประกันว่า การสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จะไม่ส่งผลกระทบ
ต่อเสรีภาพของปัจเจกชน
แนวปฏิบัติ NIS Directive เป็นระเบียบบังคับชาติสมาชิกให้ยกระดับมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้อยู่ใน
ระดับของสหภาพยุโรป ทั้งในด้านการสร้างขีดความสามารถในการรับมือทางไซเบอร์ การกระชับความร่วมมือกับชาติ
สมาชิก และมีมาตรการแก่ภาคเอกชนในการจัดการความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานส าคัญด้านสารสนเทศ
[165]