Page 177 - kpiebook62002
P. 177
4) โครงการ NSF Vocation ส าหรับทหารเกณฑ์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน
การสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์สิงคโปร์ โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งระยะเวลา
ประจ าการที่น้อยลง และทุนศึกษาด้านไซเบอร์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสิงคโปร์ ซึ่งเป็นช่องทางในการพัฒนา
บุคคลากรด้านไซเบอร์อีกทางหนึ่ง
5) สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ด้วยการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา โดย CSA ภายใต้
งบประมาณราว 500,000 ดอลล่าร์สิงคโปร์
6) ส่งเสริมการสร้างความตระหนักด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ด้วยการจัดท าหนังสือแนะน าการ
ใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักถึงอันตรายของโลกไซเบอร์ซึ่งต้องมี
การรับมือและการใช้งานที่เหมาะสมในกลุ่มเยาวชน โดยเฉพาะในระดับประถมศึกษา และจัดท าเว็บไซต์
GoSafeOnline เพื่อเป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ข้อแนะน า และภัยคุกคามในปัจจุบัน
กล่าวได้ว่า ปัจจัยที่ส่งเสริมให้สิงคโปร์มุ่งให้ความส าคัญกับการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ คือ
โครงสร้างเศรษฐกิจที่ภาคธุรกิจหลักของประเทศก้าวสู่การเป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ท าให้รัฐบาลสิงคโปร์
จ าเป็นต้องสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้มีประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักธุรกิจตลอดจน
ประชาชน แม้ว่า การพัฒนานโยบาย ระเบียบ และกฎหมายของสิงคโปร์เป็นสิ่งที่ผู้ก าหนดนโยบายของไทยมี
ความคุ้นเคย เพราะมีการศึกษาและน ามาประยุกต์กับบริบทของไทย แต่ก็มีโครงการและการด าเนินกิจกรรม
ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์โดยรวมทั้งการสร้างความตระหนักในสังคมผ่าน
การจัดท าเว็บไซต์หลักด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การคัดเลือกทหารเกณฑ์ที่มีศักยภาพเพื่อแก้ไขปัญหา
การขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมทั้งการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและกองทุน
วิจัยแห่งชาติเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
เอสโตเนีย
เอสโตเนียเป็นประเทศชั้นน าด้านการจัดการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยการจัดอันดับความ
26
มั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระดับประเทศ (National Cyber Security Index: NCSI) ในปี 2018 จากการ
พิจารณาถึงความพร้อมในการป้องกันและตอบโต้การโจมตีทางไซเบอร์ พบว่า เอสโตเนียเป็นประเทศอันดับ 1
ของโลกด้านนี้ ทั้งนี้ 10 อันดับแรก ได้แก่ เอสโตเนีย ฝรั่งเศส เยอรมนี สโลวาเกีย สิงคโปร์ ฟินแลนด์ ลิทัวเนีย
สเปน อังกฤษ และสาธารณรัฐเช็ก ขณะที่การจัดอันดับด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของ ITU เอสโตเนีย
อยู่ในล าดับที่ 5 รองจากสิงคโปร์ สหรัฐฯ มาเลเซีย และโอมาน
เอสโตเนียเริ่มการเป็นผู้น าด้านความมั่นคงไซเบอร์ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและต้องการยกระดับ
ประเทศหลังจากแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต จากวิสัยทัศน์ของผู้ก าหนดนโยบายที่เห็นถึงความส าคัญของ
โครงสร้างพื้นฐานส าคัญทางสารสนเทศต่อการยกระดับความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ ลดความ
เหลื่อมล้ าในสังคม และเสริมสร้างบทบาทของเอสโตเนียบนเวทีระหว่างประเทศ (Runnel, Pruulmann-
26 NCSI เป็นโครงการจัดอันดับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศของเอสโตเนีย
[161]