Page 174 - kpiebook62002
P. 174
4.4 แนวทางการด าเนินนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของต่างประเทศ
หนึ่งในแนวทางจัดการกับความท้าทายในการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทั้งของไทยและของ
อาเซียน คือ การศึกษาแนวทางและประสบการณ์การพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศที่ได้รับ
การยอมรับบนเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งจากการส ารวจข้อมูลพบว่า สิงคโปร์และเอสโตเนียเป็นสองประเทศที่
ได้รับการยอมด้านมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก ขณะที่สหภาพยุโรปก็สามารถเป็นบทเรียน
แก่อาเซียนได้
สิงคโปร์
สิงคโปร์มีภาคการเงินและการบริการเป็นอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ความปลอดภัยของข้อมูลและเสถียรภาพของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจึงเป็นองค์ประกอบที่
ส าคัญในการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและผู้บริโภค ดังนั้นสิงคโปร์จึงเป็นประเทศที่มุ่งมั่นพัฒนาความ
มั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ด้วยสถานะดังกล่าวท าให้สิงคโปร์เป็น
เป้าหมายของกลุ่มผู้ไม่หวังดีใช้ช่องโหว่โจมตีทางไซเบอร์ จากการรวบรวมสถิติภัยคุกคามทางไซเบอร์ของ
SingCERT ในปี 2017 พบว่า สิงคโปร์ถูกโจมตีทางไซเบอร์ในหลายรูปแบบทั้งการหลอกลวงผ่านเว็บไซต์ที่มี
มากกว่า 23,000 ครั้ง การเปลี่ยนแปลงหน้าเว็บไซต์ (website defacement) เพื่อลดความน่าเชื่อถือกว่า
2,000 ครั้ง การโจมตีด้วยมัลแวร์กว่า 4,000 ครั้ง และการเรียกค่าไถ่ทางไซเบอร์อีก 25 ครั้ง (Cyber Security
Agency of Singapore, 2018a)
ความตระหนักถึงความจ าเป็นในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เริ่มขึ้นหลักเหตุการณ์ก่อการ
ร้าย 9/11 ซึ่งทุกประเทศหันมาให้ความสนใจกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่สามารถสร้างความเสียหายอย่าง
มหาศาล ท าให้สิงคโปร์และชาติสมาชิกอาเซียนจัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ เช่น สิงคโปร์ได้จัดตั้งศูนย์
ประสานรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์สิงคโปร์ (Singapore Computer Emergency
Response Team: SingCERT) พร้อมกับจัดตั้งกองอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Technology Crimes
Division) ในกรมสืบสวนคดีอาชญากรรม ต่อมาในปี 2005 ได้จัดท าแผนแม่บท Infocomm Security Master
Plan (ISMP) ฉบับแรกช่วงปี 2005-2007 โดยส านักงานพัฒนาสารสนเทศและข้อมูล (Info-communication
Development Authority: IDA) เพื่อให้การด าเนินงานด้านไซเบอร์ของแต่ละหน่วยงานเป็นไปในทิศทาง
เดียวกัน อันเป็นหัวใจส าคัญของการลดความเสี่ยงและเพิ่มความสามารถในการตอบโต้ภัยคุกคามทางไซเบอร์
ซึ่งฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ในปี 2008 ได้วางเป้าหมายให้สิงคโปร์เป็นประเทศ “Secure and Trusted Hub”
ด้านไซเบอร์ ขณะที่ฉบับปรับปรุงครั้งล่าสุดในปี 2013 ได้ขยายขอบเขตการปกป้องและรับมือภัยคุกคามทางไซ
เบอร์ให้ครอบคลุมระบบนิเวศด้านสารสนเทศ (infocomm ecosystem) รวมถึงภาคเอกชนและปัจเจกชน
เพื่อยกระดับสิงคโปร์เป็นประเทศ “Trusted and Robust Infocomm Hub” พร้อมกันนั้นได้จัดตั้งหน่วยงาน
ความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติสิงคโปร์ (Singapore Infocomm
Technology: SITSA) ภายใต้การก ากับของกระทรวงมหาดไทย เพื่อท าหน้าที่ในการเป็นหน่วยงานหลักที่จะ
[158]