Page 182 - kpiebook62002
P. 182
ขณะเดียวกันภาคเอกชนก็ต้องร่วมมือกับรัฐเพื่อประโยชน์ต่อการสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งมีการบังคับใช้อย่าง
เต็มรูปแบบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 โดยมีมาตรการให้ชาติสมาชิกปฏิบัติดังต่อไปนี้ (European Commission, 2019)
1. เตรียมพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างเหมาะสมผ่านทีม CSIRT และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้าน
ความมั่นคงปลอดภัยของระบบและข้อมูลข่าวสารแห่งชาติ
2. จัดตั้งกลุ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระหว่างชาติสมาชิก เพื่อให้การสนับสนุนและ
แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งการจัดตั้งเครือข่าย CSIRT เพื่อประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการรับมือภัยคุกคามไซ
เบอร์
3. มีมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างเหมาะสมและได้มาตรฐานในทุกภาคส่วน เนื่องจากใน
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นองค์ประกอบหลักของโครงสร้างพื้นฐานส าคัญด้านสารสนเทศที่เป็นหัวใจ
ของความรุ่งเรืองและการอยู่ดีกินดี ดังนั้นการมีเครื่องมือและมาตรการที่มีประสิทธิภาพจะเป็นการลดภัยคุกคามไซเบอร์ได้
อย่างตรงจุด
อีกทั้งในปี 2013 สหภาพยุโรปได้จัดท ายุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อเป็นกรอบ
ข้อบังคับที่ครอบคลุมการยกระดับความสามารถด้านไซเบอร์ การพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง การมี
มาตรการรับมือและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึงการหาข้อก าหนดร่วมกันในการใช้ไซเบอร์เพื่อลด
ปัญหาและความขัดแย้ง ยุทธศาสตร์ฉบับปี 2013 มีประเด็นที่ส าคัญ 5 ประการ ได้แก่ (European
Commission, 2013)
1) การพัฒนาขีดความสามารถด้านไซเบอร์ ด้วยการส่งเสริมการประสานความร่วมมือระหว่าง
หน่วยงานของรัฐกับภาคเอกชนในการรับมือกับภัยคุกคามอย่างทันท่วงที รวมทั้งระหว่างหน่วยงานของสหภาพ
ยุโรปกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของแต่ละประเทศสมาชิก ซึ่งยังมีช่องว่างที่ท าให้การประสานความร่วมมือ
ยังไม่มีประสิทธิภาพมากนัก (เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ต้องผลักดันการใช้ NIS Directive อย่างเต็มรูปแบบ)
2) ร่วมมือกันลดอาชญากรรมไซเบอร์ โดยชาติสมาชิกจะต้องภาคยานุวัติและปฏิบัติตามปฏิญญา
บูดาเปสต์ว่าด้วยอาชญากรรมไซเบอร์ (Europe’s Budapest Convention on Cybercrime)
3) ยกระดับนโยบายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ภายใต้กรอบนโยบายความมั่นคงและปลอดภัยร่วม
(Common Security and Defense Policy: CSDP) ชาติสมาชิกจะต้องพัฒนานโยบายความมั่นคงปลอดภัย
ไซเบอร์ที่เน้นการป้องกัน ตอบโต้ และกู้คืนจากภัยคุกคามไซเบอร์ และมีการร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ
เอกชน ทหาร และหุ้นส่วนระหว่างประเทศ เช่น NATO
4) พัฒนาทรัพยากรเชิงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อความยั่งยืน
และเชื่อมั่นในความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สหภาพยุโรปจึงให้การสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและ
นวัตกรรมภายในสหภาพ เพราะมองว่าการสร้างผลิตภัณฑ์ภายใต้มาตรฐานของตนเอง ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการ
ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์
5) กระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์กับหุ้นส่วนต่างประเทศ รวมถึงการส่งเสริม
ค่านิยมของสหภาพยุโรป อาทิ OECD, NATO สหประชาชาติ อาเซียน เป็นต้น ภายใต้การส่งเสริมค่านิยม
เสรีภาพและการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐาน
[166]