Page 183 - kpiebook62002
P. 183

อย่างไรก็ตาม ในปี 2017 สหภาพยุโรปได้ทบทวนยุทธศาสตร์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้มีความ

               ทันสมัยขึ้น โดยเป็นการเสริมความแข็งแกร่งในการผลักดันยุทธศาสตร์ส าคัญ 5 ประการจากฉบับปี 2013 อัน
               เป็นการด าเนินนโยบายเชิงรุกเพื่อให้สหภาพยุโรปบรรลุวัตถุประสงค์ในการปกป้องเสรีภาพ สิทธิขั้นพื้นฐาน

               และทรัพย์สินจากการถูกบ่อนท าลายด้วยอาชญากรรมทางไซเบอร์ ได้แก่ (European Commission, 2017)

                       1) การเสริมความแข็งแกร่งของ ENISA ในฐานะกลไกหลักด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยท า
               การปฏิรูปให้ ENISA มีอ านาจในการจัดการภัยคุกคามและเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัย

               ไซเบอร์

                       2) ก้าวสู่การเป็นตลาดเดียวด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เนื่องจากความหลากหลายของ
               ผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และกระบวนการต่างๆ บนโลกออนไลน์ จึงจ าเป็นต้องมีการสร้างมาตรฐานเพื่อความ

               มั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ทั้งนี้ สหภาพยุโรปได้จัดท า EU Cybersecurity Certification Framework ซึ่งจะเป็น

               ประโยชน์ทั้งในด้านการสร้างความเชื่อมั่นและลดอุปสรรคทางการค้าและการผลิตระหว่างชาติสมาชิกภายใต้
               หลักการตลาดร่วม

                       3) ด าเนินการ NIS Directive อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากการสร้างมาตรฐานในระดับเดียวกันของชาติ

               สมาชิกเป็นกุญแจส าคัญในการอุดช่องโหว่ที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้แสวงหาประโยชน์หรือการโจรกรรมข้อมูลโดยฝั่ง
               ตรงข้าม

                       4) การสร้างความสามารถผ่านมาตรการการตอบโต้อย่างทันท่วงที โดยจะเป็นประสานความร่วมมือ

               อย่างใกล้ชิดระหว่างกลไกระดับสหภาพและระดับประเทศ ที่ส าคัญมีการจัดตั้งกองทุน Cybersecurity
               Emergency Response Fund อันเป็นทุนสนับสนุนทั้งการด าเนินมาตรการป้อมปราบ ตอบโต้ และฟื้นฟู

                       5) สร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ผ่าน European Cybersecurity

               Research and Competence Center ในรูปแบบความร่วมมือแบบระหว่างรัฐกับเอกชน (PPP) ซึ่งตั้งเป้า
               ลงทุนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้ได้ราว 1,800 ล้านยูโรภายในปี 2020

                       6) เพิ่มจ านวนผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สหภาพยุโรปยังคงมีปัญหาเรื่องการขาด

               แคลนผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยคาดว่า ภายในปี 2022 ยุโรปต้องการแรงงานที่มีทักษะ
               ด้านไซเบอร์เพิ่มอีก 350,000 ต าแหน่ง โดยจะมี European Cybersecurity Research and Competence

               Center และ ENISA เป็นกลไกประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนและวิชาการในการสร้างบุคลากรที่มีทักษะ

               ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
                       7) ส่งเสริมความตระหนักต่อภัยคุกคามไซเบอร์ ทั้งการผลักดันให้ชาติสมาชิกสนับสนุนภาคเอกชนและ

               ประชาชนใช้เครื่องมือตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป หรือแม้แต่ภาครัฐก็ควรเป็นตัวอย่างของการใช้เครื่องมือ

               ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยในการพัฒนา e-government ตลอดจนการจัดโครงการรณรงค์สร้างความ
               ตระหนักต่อภัยคุกคามไซเบอร์ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและนักศึกษา

                       นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ฉบับล่าสุดยังให้ความส าคัญกับการมีมาตรการจัดการภัยคุกคามไซเบอร์อย่างมี

               ประสิทธิภาพด้วยการพัฒนาความสามารถในการระบุตัวตนภัยคุกคามอย่างทันท่วงที การบังคับใช้กฎหมาย




                                                          [167]
   178   179   180   181   182   183   184   185   186   187   188