Page 90 - b29416_Fulltext
P. 90
88
รัฐบาลใช้อ านาจโดยไม่ฟังเสียงประชาชน และฝ่ายบริหารมีความเข้มแข็งมากเกินไปจนยากแก่การ
ตรวจสอบและเกิดการคอร์รัปชันเอื้อประโยชน์พวกพ้องได้ง่าย ประชาธิปไตยกลายเป็นระบอบที่เปิด
โอกาสให้ผู้แทนจากการเลือกตั้งโกงกิน ในขณะที่ประชาชนอีกฝ่ายหนึ่งมองว่ารัฐบาลที่เข้มแข็งน าโดย
พรรคเด่นพรรคเดียวที่มีเสียงข้างมากเด็ดขาดท าให้การบริหารประเทศมีประสิทธิภาพสูง ท าให้การ
ผลักดันนโยบายมีเอกภาพและรวดเร็ว และสัญญาทางนโยบายที่พรรคการเมืองหาเสียงไว้
กับผู้เลือกตั้งถูกน ามาผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นจริงทั้งหมด ประชาธิปไตยกลายเป็นสิ่งที่กินได้ส าหรับ
ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นล่างที่เสียเปรียบในสังคม ความขัดแย้งและความคิดที่ไม่ตรงกัน
ต่อสถาบันการเลือกตั้งและประชาธิปไตยดังกล่าว น าไปสู่การแก้ปัญหาด้วยวิถีทางนอกกติกา
ทางการเมือง คือ การประท้วงไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและการรัฐประหาร ท าให้สังคมไทยเกิดการ
แบ่งขั้วร้าวลึกยิ่งขึ้น เพราะกติกาการเลือกตั้งที่ออกแบบใหม่หลังการรัฐประหารทั้งในปี 2550 และ
2560 เป็นกติกาที่ไม่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายที่อยู่ในความขัดแย้ง เพราะถูกมองว่าเป็นผลผลิต
ของการรัฐประหารและกระบวนการออกแบบที่ขาดความเป็นประชาธิปไตย และดังนั้นจึงถูกมองว่า
ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบให้กับบางพรรคการเมืองเท่านั้น
ช่วงปี 2548-2554 ความขัดแย้งรุนแรงนอกเวทีรัฐสภาระหว่างขบวนการประชาชนสอง
ขบวนการที่มีอุดมการณ์ต่างกันและนิยมชมชอบพรรคการเมืองต่างกัน ท าให้เกิดภาวะแบ่งขั้วในระบบ
พรรคการเมืองเป็นสองพรรคใหญ่ที่มีบทบาทเหนือพรรคการเมืองอื่นๆ ในระบบ การแบ่งขั้วระหว่าง
สองพรรคใหญ่ที่มีฐานเสียงในภูมิภาคต่างกันและกลุ่มชนชั้นทางสังคม (social class) ต่างกัน ได้ท าให้
เกิดภาวะภูมิภาคนิยมทางการเมือง (regionalism) และการแบ่งชนชั้นทางสังคมของผู้เลือกตั้งสูงขึ้น
และตอกตรึงความขัดแย้งแบ่งขั้วทางการเมืองแบบขั้วตรงข้าม หรือแบบมิตร/ศัตรูให้ฝังแน่น
จนยากแก่การคลี่คลาย ในภาวะดังกล่าวประชาชนที่อาจจะมิได้นิยมชมชอบแนวนโยบายหรือ
อุดมการณ์ของสองพรรคใหญ่ถูกบีบให้ต้องเลือกข้าง และรู้สึกว่าตนไม่มีทางเลือกอื่นในระบบ
เพราะหากไม่เลือกพรรคการเมืองหนึ่งที่แม้ตนจะไม่ได้ชอบมากนัก ก็จะท าให้พรรคการเมืองอีกพรรค
หนึ่งที่ตนรังเกียจมากกว่าได้เป็นรัฐบาล ภาวะของการแบ่งแยกเชิงลบ (negative partisanship
หมายถึงการสนับสนุนพรรคหนึ่งเพราะไม่ชอบอีกพรรคหนึ่งมากกว่า) นี้บั่นทอนเสถียรภาพทาง
การเมืองและคุณภาพของประชาธิปไตยของไทยอย่างรุนแรง
รัฐประหารปี 2557 และผลผลิตที่ตามมาคือรัฐธรรมนูญ 2560 ที่น าระบบเลือกตั้งแบบใหม่ที่
เรียกว่าระบบจัดสรรปันส่วนผสมมาใช้เพื่อต้องการยุติความขัดแย้งและต้องการสกัดกั้นไม่ให้เกิดพรรค
การเมืองขนาดใหญ่ในสังคมไทยขึ้นอีก แต่การใช้วิถีทางที่ไม่ชอบธรรมกลับยิ่งท าให้ความขัดแย้งใน
สังคมไทยขยายตัวและร้าวลึกมากขึ้น ระบบเลือกตั้งแบบผสมที่มีบัตรใบเดียวสร้างปัญหาสุดขั้วไปอีก
ทาง คือ แม้จะบั่นทอนไม่ให้มีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาได้ แต่ท าให้
ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ รัฐบาลผสมขาดความเข้มแข็งและประสิทธิภาพ และพรรคเล็กที่ไม่ได้มี
ฐานสนับสนุนทางสังคมหรือนโยบายทางเลือกสามารถมีอ านาจต่อรองต าแหน่งและผลประโยชน์
ส่วนตัวจนสามารถสั่นคลอนเสถียรภาพของฝ่ายบริหารได้