Page 94 - b29416_Fulltext
P. 94
92
6. อนุญาตให้มีที่นั่งส่วนเกิน (แบบเยอรมนีและนิวซีแลนด์) แต่ไม่ต้องมีกลไกชดเชย
(แบบเยอรมนี) เพื่อปรับสัดส่วนให้กับทุกพรรค เพราะจะท าให้จ านวน ส.ส. ในรัฐสภาแต่ละชุดไม่คงที่
และอาจจะมีจ านวน ส.ส. ในสภามากจนเกินไปจนเป็นภาวะทางงบประมาณของประเทศได้ ทั้งยัง
ก่อให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนในการค านวณที่นั่งของแต่ละพรรค ซึ่งจะน าไปสู่ความขัดแย้งระหว่าง
ประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองต่างพรรคได้
ตารางที่ 21 : เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างระบบเลือกตั้งปี พ.ศ. 2540-2560 กับระบบที่เสนอใน
งานวิจัย
จ านวน ส.ส. เพดานขั้นต่ า จ านวนบัตร เขตเลือกตั้ง
ปี พ.ศ. ระบบเลือกตั้ง
(เขต/บัญชีรายชื่อ) (ร้อยละ) เลือกตั้ง
2540 ระบบผสม 500 (400/100) 5 2 เขตเดียวคนเดียว
แบบคู่ขนาน และบัญชีรายชื่อ
ทั้งประเทศ
2550 ระบบผสม 480 ไม่มี 2 เขตเดียวหลายคน
แบบคู่ขนาน (400/80) และบัญชีรายชื่อ
แบบกลุ่มจังหวัด
2550 ระบบผสม 500 ไม่มี 2 เขตเดียวคนเดียว
แก้ไขเพิ่มเติม แบบคู่ขนาน (375/125) และบัญชีรายชื่อ
ทั้งประเทศ
2560 ระบบจัดสรร 500 (350/150) ไม่มี 1 เขตเดียวคนเดียว
ปันส่วนผสม และบัญชีรายชื่อ
ทั้งประเทศ
ข้อเสนอของ ระบบผสม 500 (300/200) 3 2 เขตเดียวคนเดียว
ผู้วิจัย แบบสัดส่วน และบัญชีรายชื่อ
ทั้งประเทศ
ที่มา: รวบรวมและเสนอโดยผู้วิจัย
ข้อดีของระบบผสมแบบสัดส่วนตามที่น าเสนอ
1. ท าให้พรรคการเมืองแต่ละพรรคได้ที่นั่งตามสัดส่วนคะแนนเสียงที่พรรคได้รับ และ
เมื่อเทียบกับระบบเลือกตั้งผสมแบบคู่ขนานที่ประเทศไทยเคยใช้ในรัฐธรรมนูญ 2540, 2550 2550
แก้ไขเพิ่มเติมถือว่าระบบผสมแบบสัดส่วนสร้างความเป็นสัดส่วนในระดับที่สูงกว่า และดีกว่าระบบ
เลือกตั้งปี 2560 เพราะความเป็นสัดส่วนเกิดจากคะแนนนิยมของพรรคในส่วนคะแนนพรรค
มิใช่คะแนนจาก ส.ส. เขต
2. ป้องกันการเกิดพรรคการเมืองเด่นพรรคเดียว และระบบการเมืองแบบสองพรรคใหญ่
ครอบง า ท าให้ยากต่อการตั้งรัฐบาลพรรคเดียว รัฐบาลจะมีลักษณะเป็นรัฐบาลผสม แต่เป็นรัฐบาล