Page 95 - b29416_Fulltext
P. 95

93


                   ผสมที่มีความเข้มแข็งเพราะไม่ได้ประกอบด้วยจ านวนพรรคมากเกินไป

                          3. ท าให้ระบบพรรคการเมืองเข้มแข็ง สร้างแรงจูงใจให้พรรคการเมืองพัฒนาตัวเอง
                   เป็นสถาบันการเมืองระดับชาติและต้องแข่งขันกันในการน าเสนอนโยบายการพัฒนาระดับประเทศ

                   เพื่อดึงดูดคะแนนเสียงจากประชาชน เนื่องจากจ านวน ส.ส. บัญชีรายชื่อมีถึง 200 ที่นั่งและคะแนน

                   ของพรรคในระบบบัญชีรายชื่อจะเป็นตัวก าหนดที่นั่งของพรรคทั้งหมด พรรคจึงจะเน้นแค่การหาเสียง
                   ในระดับจังหวัดหรือภูมิภาคไม่ได้ นอกจากนั้น ระบบนี้จะท าให้จ านวนพรรคการเมืองในระบบมีไม่มาก

                   เกินไป (เนื่องจากมีการก าหนดเพดานขั้นต่ าไว้) ต่างจากระบบเลือกตั้งปี 2560 ที่เกิดเป็นระบบพรรค
                   แบบกระจัดกระจายที่อ่อนแอจนท าให้พรรคเล็กมีอ านาจสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และสร้าง

                   ปัญหาในการท างานในสภา
                          4. เปิดโอกาสให้พรรคขนาดเล็กยังคงแข่งขันได้ เพราะเพดานขั้นต่ าไม่ได้สูงมากจนเกินไปเมื่อ

                   เทียบกับระบบเลือกตั้งปี 2540 และยังมีข้อยกเว้นการบังคับใช้เพดานขั้นต่ าไว้ด้วย หากชนะเลือกตั้ง

                   ในระบบเขตได้ 1 ที่นั่ง การมีจ านวน ส.ส. บัญชีรายชื่อในสัดส่วนที่มากขึ้นและใช้คะแนนบัญชีรายชื่อ
                   เป็นตัวก าหนดที่นั่งของพรรคจะท าให้พรรคขนาดเล็กมีโอกาสแข่งขันได้มากกว่าระบบเลือกตั้งปี 2560

                   ที่ใช้คะแนนจากระบบเขตเป็นตัวก าหนดซึ่งพรรคขนาดเล็กเสียเปรียบ

                          5. เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน เพราะประชาชนสามารถตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง
                   ที่นิยมและผู้สมัครในระบบเขตที่ชอบผ่านบัตรเลือกตั้ง 2 ใบแยกกัน มิใช่แบบระบบเลือกตั้งปี 2560

                   ที่ประชาชนไม่สามารถเลือกได้
                          6. เป็นระบบที่ไม่ยากเกินไป เพราะยังคงเป็นระบบเลือกตั้งแบบผสมที่มีบัตร 2 ใบซึ่งประเทศ

                   ไทยเคยใช้มาแล้วทั้งในการเลือกตั้งปี 2544, 2548, 2550 และ 2554 เพียงแต่ว่าการค านวณที่นั่ง
                   มีหลักการที่แตกต่างออกไป แม้ว่าจะซับซ้อนขึ้นมากว่าระบบเลือกตั้งผสมแบบคู่ขนาน แต่ก็ไม่ได้

                   ซับซ้อนจนยากแก่การเข้าใจ (เพราะได้ตัดกลไกชดเชยที่นั่งที่ใช้ในระบบเยอรมนีออกไป) ซึ่งหาก

                   คณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ความรู้และข้อมูลกับประชาชน
                   อย่างทั่วถึง ประเด็นนี้ก็จะไม่ใช่ปัญหา เพราะเมื่อเทียบกับระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสมในปี

                   2560 แล้ว ระบบผสมแบบสัดส่วนที่ใช้บัตร 2 ใบนั้นมีความยุ่งยากซับซ้อนน้อยกว่าในการค านวณที่นั่ง
   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100