Page 97 - b29416_Fulltext
P. 97
95
เมื่อเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของระบบเลือกตั้งแต่ละระบบที่ประเทศไทยเคยทดลองใช้
แล้ว ผู้วิจัยได้ชวนส ารวจลักษณะเด่นของระบบเลือกตั้งผสมแบบสัดส่วนที่ประเทศเยอรมนีเป็น
ต้นแบบในการคิดค้น และประเทศอย่างนิวซีแลนด์ได้น ามาใช้จนประสบผลส าเร็จหลังจากมีการ
ผลักดันการปฏิรูปการเมืองของประเทศ ซึ่งระบบเลือกตั้งผสมแบบสัดส่วนมีข้อดีหลายประการ
ที่เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของความขัดแย้งและสภาวะประชาธิปไตยของไทย งานวิจัยชิ้นนี้จึงได้
น าเสนอตัวแบบของระบบเลือกตั้งผสมแบบสัดส่วนที่ปรับรายละเอียดจากตัวแบบเยอรมนีเพื่อเป็น
ทางเลือกของสังคมไทยในอนาคต หากมีการปฏิรูปการเมืองและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ
เพราะสังคมไทยควรมีทางเลือกที่รอบด้านในการค้นหากติกาที่ดีในการสร้างสังคมการเมืองที่น่าอยู่
ร่วมกันส าหรับทุกฝ่าย ในขณะเดียวกันตัวแบบของระบบเลือกตั้งใหม่นั้นก็ไม่ควรเป็นตัวแบบที่คิดค้น
ขึ้นเองเพื่อตอบสนองเป้าประสงค์ทางการเมืองของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยปราศจากฐานความรู้และ
หลักการในการออกแบบระบบเลือกตั้งที่เป็นมาตรฐานสากล
ล าพังการออกแบบระบบเลือกตั้งใหม่ อาจจะไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งและท าให้
ประชาธิปไตยลงหลักปักฐานอย่างยั่งยืนได้ เพราะองค์ประกอบอื่นอีกหลายประการในรัฐธรรมนูญต่าง
ท างานร่วมกันในการส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ และการมีส่วนร่วมของประชาชนใน
สังคมประชาธิปไตย อาทิ รูปแบบของรัฐสภา (สองสภาหรือสภาเดี่ยว, ที่มาและขอบเขตอ านาจของ
แต่ละสภาเป็นเช่นใด) โครงสร้างรัฐ (ระดับของการรวมศูนย์อ านาจและการกระจายอ านาจ) ที่มาและ
ขอบเขตอ านาจขององค์กรอิสระ ขอบเขตอ านาจของฝ่ายตุลาการ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพรรค
การเมือง กฎหมายและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นต้น
แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกแบบระบบเลือกตั้งอย่างรอบคอบโดยค านึงถึงบริบทที่เหมาะสม
สอดคล้องกับสังคมเป็นหัวใจส าคัญของการสร้างประชาธิปไตยที่มีคุณภาพและยั่งยืน